CPF -กระทรวงแรงงาน รวมใจสู้วิกฤต MOU 3 โครงการ ตั้งเป้ารับพนักงานสูงถึง 8,000 อัตรา

289

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการรับสมัครนักศึกษาจบใหม่”, “โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” และ “โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาคนว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เป็นผู้ลงนาม ณ อาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงฯได้นำนโยบาย “รวมไทยสร้างชาติ” ของรัฐบาลเข้ามาดำเนินการโดยมีเป้าหมายที่จะผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันวางแผนเพื่อกำหนดอนาคตประเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบถึงการจ้างงานของหลายบริษัท เกิดการว่างงานของแรงงานจำนวนมาก ตามมาด้วยปัญหาค่าครองชีพ และแนวโน้มการไม่มีงานทำของกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ ดังนั้น การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการช่วยกันแก้ปัญหาและร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ จึงมีความสำคัญยิ่ง

ขณะที่ “ซีพีเอฟ”เป็นภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีบทบาทในการช่วยเหลือประเทศชาติจากหลายๆวิกฤตที่ผ่านมามาโดยตลอด จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่เกิดความร่วมมือในวันนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้แรงงานจบใหม่ของไทยมีงานทำ มีความมั่นคง ทั้งยังช่วยสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งเป็นพื้นฐานด้านเศรษฐกิจอันเข้มแข็งของชาติ  ขณะเดียวกัน ภาระค่าครองชีพที่กระทบถึงแรงงานเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ควรได้รับการแบ่งเบา การมอบคูปองส่วนลดพิเศษในการซื้ออาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสี่ของการดำรงชีพ ให้แก่ผู้ประกันตนทุกคน จึงน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งต้องขอขอบคุณซีพีเอฟที่มอบส่วนลดพิเศษนี้ให้แก่ผู้ประกันตน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ ระบุว่าบริษัทพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐในการช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา 3 ประโยชน์ของประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ และเป็นไปตามนโยบายของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการให้ บริษัทมีส่วนร่วมแก้ปัญหาการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ อันเป็นการสร้างโอกาส สร้างความมั่นคงทางอาชีพ และสร้างประโยชน์ต่อประเทศในการร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงวิกฤติโควิด-19

ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร จึงเปิดรับตำแหน่งงานได้อย่างหลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมหลายสาขาอาชีพ อาทิ สัตวแพทย์ สัตวบาล วิศวกร นักวิจัยพัฒนาอาหาร นักวิทยาศาสตร์ รวมถึง IT ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนางานด้าน Smart Farming , Smart Factory ตลอดจน งานด้านโลจิสติกส์ และงานบริการในร้านซีพีเฟรชมาร์ทและร้านอาหาร การรับนักศึกษาจบใหม่นี้ ตั้งเป้าเปิดรับจำนวนสูงถึง 8,000 อัตรา แบ่งเป็นงานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 4,000 อัตรา และต่างจังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศอีก 4,000 อัตรา ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.cpfwolrdwide.com หรือ พบบูธ CPF ได้ในงาน JOB EXPO THAILAND 2020 จัดโดยกระทรวงแรงงาน วันที่ 26 -28 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ผ่าน “โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” เช่น ธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ โดยอบรมเสริมความรู้ยกระดับการเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร สร้างความเข้มแข็งให้ SMEs ไทยกว่า 4,500 ราย ทั้งสองธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นและพื้นที่ขนาดเล็กกะทัดรัดในทุกๆพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ก็สามารถประกอบอาชีพธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ได้ทันที โดยบริษัทมีหลักสูตรอบรมและเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา เพื่อช่วยยกระดับทักษะฝีมือให้ทุกท่านเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร-ร้านกาแฟได้อย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพที่เป็นพื้นฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี  ผู้สนใจเข้าเป็นแฟรนไชส์ธุรกิจห้าดาว สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://fivestar.in.thและหากสนใจธุรกิจสตาร์คอฟฟี่ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://Starcoffee.in.th

สำหรับ “โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” จะเป็นการมอบคูปองส่วนลดสินค้าจากร้านซีพีเฟรชมาร์ทให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของแรงงานในระบบ โดยมอบเป็นส่วนลดมูลค่ากว่า 2,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดส่วนลดได้ที่ Line : @CPFreshmart ตั้งแต่ 25 กันยายน-30 พฤศจิกายน 2563 นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมอบซิมทรูโซเชี่ยลพลัส มูลค่า 49 บาท ให้แก่ผู้ประกันตนด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1788

“การช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเป็นหน้าที่ของทุกบริษัทที่มีขีดความสามารถ และโครงการที่กระทรวงแรงงานดำเนินการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก นับเป็นอีกโครงการใหญ่ของซีพีเอฟที่ได้ทำร่วมกับภาครัฐ และตอกย้ำการเป็น Good Corporate Citizen ของบริษัท ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีการระบาดในประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปได้” นายประสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย