ผู้สื่อช่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า กลุ่มพาณิชย์ โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) รายงานว่า ภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมคือ มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของม.หอการค้าไทย (CCI:
Consumer Confidence Index) ถึงจุดต่ำสุดในเดือน เม.ย.63 ที่ระดับ 47.2 จากการล็อกดาวน์และไต่ขึ้นเป็น 51.0ในเดือนส.ค.63 เพราะการเปิดเมืองรวมทั้งการจัดการแพร่ระบาดในไทยได้ดีแต่คาดว่าถึงสิ้นปีจะดีขึ้นอีกเพียง
เล็กน้อย สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ด้านตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนในประเทศ (Private
Consumption Index) ของธปท. ก.ค.63 ยังหดตัวลง 0.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/63 ที่ลดลงไปถึง 10.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
คาดว่าในงวดไตรมาส 3/63 อัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) จะยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง และทางด้านอัตรากำไรขั้นต้นก็ยังปรับลดลงเทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อน อัตรากำไรขั้นต้นควรจะดีขึ้น ตามยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้น และจัดการ Product Mix ได้ดีส่วนการขยายสาขาก็เป็นไปตามแผน
มาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐล่าสุดไม่ได้ส่งผลกระทบด้านบวกโดยตรงกับหลักทรัพย์ในกลุ่มพาณิชย์ที่จด
ทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่โครงการ “คนละครึ่ง” จะเน้นให้ใช้จ่ายร้านค้าเฉพาะของบุคคล ไม่ให้กับ
ร้านค้าที่เป็นนิติบุคคล
ฝ่ายวิจัยประเมินได้ว่า YTD SET กลุ่มพาณิชย์ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า SET โดยรวม P/E กลุ่มปี 64 เป็น 28.3 เท่า ที่สูงสุดคือ COM7 ที่ 30.6 เท่า คำแนะนำสำหรับกลุ่มพาณิชย์คือ ถ่วงน้ำหนักปานกลาง Top Pick ของกลุ่มคือ COM7 และ CPALL ข้อดี COM7 คือ อัตราการเติบโตกำไรที่สูงในปี 64 ส่วน CPALL จะดีในภาวะปกติเนื่องจากความยืดหยุ่นของธุรกิจ แม้ในระยะสั้นได้รับผลลบบ้างอีกทั้งยังขยายไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพคือ ลาวและกัมพูชา และจะมีดีล Tesco ในอนาคต สำหรับ BJC และ HMPRO แนะนำ ถือ ยังไม่มี Catalyst สำหรับในระยะนี้และมีส่วนเพิ่มจากราคาพื้นฐานที่จำกัด
www.mitihoon.com