ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า “บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS โดย “บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส” เปิดเผยว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/63/64 อยู่ที่ 786 ล้านบาท เติบโต 48% จากไตรมาสก่อน เพราะการตั้งสำรองลดลง แต่กำไรสุทธิไตรมาส 2/63/64 ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากสเปรดต่ำลงและตั้งสำรองฯสูงขึ้น
ทั้งนี้ในไตรมาส 1/63/64 (มี.ค.-พ.ค.63) ผลประกอบการอ่อนแอจากการ Lockdown ส่วนในช่วงมิ.ย.-ส.ค.63 ดีขึ้น ดังนั้นฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการน่าจะผ่านต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/63/64
ส่วนผลกระทบจากการลดอัตราดอกเบี้ยเริ่มตั้งแต่ส.ค.63 โดยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลลดจาก 28% เป็น25% และอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตลดจาก 18% เป็น 16% ซึ่งกระทบงวดไตรมาส 2/63/64 เพียง 1 เดือน ฝ่ายวิจัยคาดYield เฉลี่ยในไตรมาสนี้จะลดเป็น 21.9% จาก 22.7% ในไตรมาส 1/63/64
ทั้งนี้แนวโน้มไตรมาส 3/63/64 จะถูกกระทบจาก Yield ที่ลดลง จากถูกกระทบจากการลดดอกเบี้ยเงินกุ้เต็มไตรมาส ทำให้Yield จะหดตัวสู่ระดับ 20.4% ในไตมาส3/63/64 แต่ผลกระทบบางส่วนจะได้รับการชดเชยจากการขยายวงเงินสินเชื่อให้กับลูกหนี้ดีที่รายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/เดือนจาก 1.5 เท่าเป็น 2.0 เท่าของเงินเดือน ซึ่งบริษัทมีลูกหนี้ที่อยู่ในข่ายขยายสินเชื่อราว 2 แสนราย และก็ทยอยขยายมาตั้งแต่ส.ค.63 คาดว่าผลดีจากส่วนนี้จะเห็นชัดเจนในปี 64/65F
โดยบริษัทได้เงินกู้ซอฟท์โลนจากธ.ออมสิน 5 พันล้านบาท มีแผนใช้ 2 พันล้านบาทมาปล่อยสินเชื่อในเร็วๆนี้แต่ผู้บริหารประเมินว่าอาจใช้ไม่ทั้งหมด 5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องการเงินสูงมาก
ดังนั้นฝ่ายวิจัยปรับประมาณการปี 63/64 โดยลดสมมติฐานการตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน แต่ก็ลดการเติบโตของสินเชื่อจาก +2.5% เป็น 0% และลดสเปรดจาก 19.4% เป็น 18.1% สะท้อนการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 63/64F จะเพิ่มจากเดิม +12% แต่คาดการณ์กำไรสุทธิดังกล่าวยัง -34% จากปีก่อน
โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 130 บาท อิงกับ P/BV ปี 64/65F ที่ 1.9 เท่า (-0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ทั้งนี้เห็นว่าผลประกอบการจะจุดต่ำสุดในปี 63/64F และจะฟื้นตัวได้ในปีหน้า โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 64/65F จะเติบโต 4.4%
www.mitihoon.com