ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสซีไอ อีเลคตริค หรือ SCI โดย “นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภายในเดือน พ.ย.นี้ จะทราบผลประมูลงานใหญ่ “การผลิตและจำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม” มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจจะคว้างานไม่ต่ำกว่า 80% ของปริมาณงานทั้งหมด
เปิดฉากรุกงาน EPC
รวมถึงบริษัทได้ยกระดับธุรกิจเข้าร่วมประมูลงานรับเหมาโครงการวิศวกรรมก่อสร้างแบบครบวงจร (EPC) โดยตรงกับภาครัฐ จากเดิมเป็นแค่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายให้กับผู้รับเหมาเท่านั้น โดยในเดือน ต.ค.63 นี้ เตรียมเข้าประมูลงาน EPC หลายโครงการเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อโครงการ โดยเชื่อมั่นว่าปริมาณงานจะเข้ามามากขึ้นภายหลังภาครัฐเร่งเดินหน้าลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ
ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 จะเติบโตต่อเนื่อง และไตรมาส 4/63 ผลงานจะเติบโตสูงสุดแห่งปี เนื่องจากบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) กว่า 1,200 ล้านบาท และ การทยอยรับงานใหม่ๆเข้ามา โดยทั้งปี 63 มั่นใจผลงานจะเติบโตกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน
ใส่เกียร์ธุรกิจที่เมียนมา
สำหรับ “โรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และบริการชุบกัลวาไนซ์ (สังกะสี)” ที่เขตเศรษฐกิจติลาวา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมานั้น แม้ว่าปัจจุบันจะหยุดการผลิตเพราะได้รับกระทบ Covid-19 แต่ภายในเดือน ต.ค. นี้จะเริ่มกลับมาผลิตได้ตามปกติ
ทั้งนี้ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.63 จะเป็นช่วงการเลือกตั้งในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คาดว่าจะเห็นการผลักดันงานโครงสร้างพื้นฐานในประเทศออกมามากขึ้น ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการเสนอราคาและประมูลงานภาครัฐในประเทศเมียนมาร์ โดยในปี 63 บริษัทตั้งเป้ารับงานใหม่ 1,500-2,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันมี Backlog ราว 900 ตัน
ถึงจุดคุ้มทุนในปี 64
โดย “โรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และบริการชุบกัลวาไนซ์ (สังกะสี)” ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมานั้น คาดจะถึงจุดคุ้มทุน (Break-Even Point)ในปี 64 ซึ่งบริษัทมีการตั้งจุดคุ้มทุนการผลิตเสาโทรคมนาคมและเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงไว้ที่ 3,000 ตันต่อปี และงานชุบสังกะสีอยู่ที่ 6,000 ตันต่อปี ขณะที่ด้านต้นทุนวัตถุดิบ บริษัทมีการจัดหาวัตถุดิบจากต่างประเทศทั้งในประเทศจีนและเกาหลี ซึ่งจะมีต้นทุนที่ถูกกว่า บริษัทมองว่าหากบริษัทได้วัตถุดิบในราคาต้นทุนที่ถูกจะทำให้ได้กำไรจากงานในประเทศเมียนมาร์
ผนึกพันธมิตรรุกพลังงาน
พร้อมกันนี้ บริษัทยังเดินหน้าแผนการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 63 ปัจจุบัน SCI มีโรงไฟฟ้าภายใต้บริหาร คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำตาดสเลน กำลังการผลิต 3.2 MW ณ เมือง เซโปน แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ล่าสุด SCI ประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.ผลิตและจำหน่ายตู้สวิทช์บอร์ด รางเดินสายไฟและอุปกรณ์รองรับ 2.ผลิตและจำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และโครงสร้างเหล็กชุบกัลวาไนซ์และบริการชุบสังกะสี 3.ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (ปัจจุบันมีธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก) 4.ธุรกิจบริการรับเหมาติดตั้ง
www.mitihoon.com
