SEAFCO ถึงรอบวัฏจักรขาขึ้น เปิดเกมชิงงาน5พันล. (01/10/63)

325

มิติหุ้น – SEAFCO จัดทัพชิงบิ๊กโปรเจ็กต์รัฐ 5 พันล้านบาท คาดทยอยทราบผลต้นไตรมาส 4/63 นี้ ดัน Backlog แรงทะลุ 2.5 พันล้านบาท ไม่หวั่นพิษ Covid-19 ชี้แบ็คล็อกเต็มมือนอนตีพุงบุ๊กรายได้ยาวถึงปี 64 โบรกให้เครดิตเบอร์ 1ในวงการ ธุรกิจเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น จับตาปี 64 งานใหญ่รัฐหล่นทับ แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 7.80 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซีฟโก้ หรือ SEAFCO ผู้รับงานก่อสร้างงานเสาเข็มเจาะ งานรากฐานและงานโยธาทั่วไป โดยรับงานจากภาคราชการและภาคเอกชน โดย “นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยทราบผลในช่วงต้นไตรมาส 4/63 นี้

ตุนแบ็กล็อกเต็มมือ

โดยการรับงานใหม่ๆจะสนับสนุนให้ปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 2,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1,000-1,300 ล้านบาท และที่เหลือจะไปรับรู้รายได้ถึงกลางปี 64 แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะเผชิญปัญหา Covid-19 และกระทบในอุตสาหกรรมวงกว้าง แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อ SEAFCO เพราะบริษัทมี Backlog ในมือสูง และยังทยอยรับรู้รายได้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจของ SEAFCO มีความแข็งแกร่งเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ

สำหรับทั้งปี 63 คาดรายได้รวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท แม้จะลดลงกว่าปีก่อน แต่มั่นใจว่าในปี 64 ผลงานจะกลับมาเติบโตโดดเด่นอย่างแน่นอน เพราะเป็นปีที่ภาครัฐเร่งขับเคลื่อนงานโครงสร้างพื้นฐานออกมาเป็นจำนวนมาก และการที่ SEAFCO เป็นผู้เชี่ยวชาญงานเสาเข็มเจาะ งานรากฐานและงานโยธาทั่วไป และมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้มีโอกาสได้รับงานใหม่ๆเข้ามามากขึ้นด้วย

ลุยงานรถไฟความเร็วสูง

ด้าน “บล.เคจีไอ” เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 3/63 คาดกำไรสุทธิที่ 71 ล้านบาท ลดลง 30.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5.8% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ลดลงนั้นเป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจาก 1. การแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น (อัตรากำไรขั้นต้นของ backlog ใหม่ลดลง)

ส่วน 2. งานก่อสร้างล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้เล็กน้อย เนื่องจากข้อจำกัดด้านแรงงาน โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/63 จะอยู่ที่ 720 ล้านบาท ลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง 1.7% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 17.9% เนื่องจากต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี SEAFCO ก็น่าจะยังได้ Backlog ใหม่ ๆ เพิ่มอีก โดยคาดว่าการแข่งขันจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนกว่าจะมีการ subcontract งานก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินออกไป (คาดว่า backlog จะมีมูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท)

เบอร์1ในวงการ-เป้า7.80บ.

โดยฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”  SEAFCO และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 7.80 บาท อิงจาก PER เฉลี่ยระยะยาว +0.5 S.D. ที่ 16.0x  โดยชอบ SEAFCO มากกว่า PYLON( PYLON.BK/PYLON TB) เนื่องจากมี Backlog แข็งแกร่ง และ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันเมื่ออุตสาหกรรมกลับมาอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นอีกครั้ง

www.mitihoon.com