ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า สำหรับปี 2563 เป็นปีสุดท้ายของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันที่ครอบคลุมการดำเนินงานปี 2561-2563 นั้น กรุงศรีได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเงินในยุคดิจิทัลด้วยการผลักดันแผนเชิงยุทธศาสตร์ 4 ด้านคือ การเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้าผ่านกระบวนการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Customer Experience Enhancement) การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยศักยภาพด้านข้อมูล (Data-Driven Capabilities) กลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership Strategy) และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Overseas Business Expansion) ซึ่งกรุงศรีสามารถดำเนินตามแผนเชิงยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี
โดยจะเห็นได้จากความสำเร็จของการเปิดตัว ‘Kept’ นวัตกรรมบริหารเงินบนช่องทางออนไลน์ที่ได้รับการตอบรับอย่างสูงจากกลุ่มเป้าหมาย การพัฒนา ‘Krungsri Biz Online Mobile App’ แอปพลิเคชันสำหรับธุรกิจ SME ที่ช่วยจัดการธุรกรรมการเงินให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น บริการกรุงศรี ออโต้ โบรกเกอร์ ที่เลือกสรรประกันภัยรถยนต์ให้กับลูกค้าด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลตามความต้องการ การพัฒนาระบบการอนุมัติสินเชื่อโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การลงทุนและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ Grab และความสำเร็จของ Hattha Kaksekar Ltd. บริษัทไมโครไฟแนนซ์เครือกรุงศรีในกัมพูชาในการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ Hattha Bank Plc. เป็นต้น”
“อย่างไรก็ตาม จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกและส่งผลต่อเนื่องถึงปัจจุบันต่อเศรษฐกิจมหภาคและภาคอุตสาหกรรมตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนท์ กรุงศรีจึงได้ดำเนินการเชิงรุกฝ่าวิกฤตโดยปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่เน้นย้ำ 3 หลักการดำเนินงาน
คือ 1. การช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าบุคคล ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ 2. การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และ 3. การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับกลยุทธ์ให้สามารถรับมือกับความท้าทายอย่างทันท่วงทีท่ามกลางวิกฤตแห่งความไม่แน่นอนนี้ส่งผลให้กรุงศรีสามารถลดผลกระทบด้านการดำเนินงานปฎิบัติการ และสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างทั่วถึง” นายไพโรจน์กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กรุงศรีอยู่ในระหว่างการขออนุมัติแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ที่จะใช้เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564-2566 ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา โดยจะใช้ประโยชน์ด้านข้อมูลที่กรุงศรีมีในฐานะผู้นำตลาดการเงินเพื่อรายย่อย (Consumer Finance) และผู้นำตลาดลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นในไทย (Japanese Corporate Market) และการใช้ประโยชน์ด้านผลิตภัณฑ์และเครือข่ายระดับโลกของ MUFG การผสานศักยภาพและความแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงศรี
โดยคำนึงถึงแนวโน้มแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกหรือเมกะเทรนด์ (Megatrend) และสอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่หรือนิวนอร์มอล (New Normal) ทำให้กรุงศรีมีตำแหน่งทางการตลาดและความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่นทั้งในเวทีระดับประเทศและในภูมิภาคอาเซียน