ภาพรวมดัชนี SET index ระยะกลาง (ระยะสัปดาห์ – เดือน) ยังเป็นขาลงต่อเนื่องตาม Downtrend line โดยประเมินแนวรับ 1,220 จุด และ 1,200 จุด / แนวต้าน 1,270 และ 1,280 จุด ตามลำดับ แต่คาดจะมีรีบาวด์ที่บริเวรแนวรับทำให้ยังมีโอกาสสำหรับการเก็งกำไรสั้น เนื่องจากประเมินความผันผวนของตลาดที่จะเพิ่มขึ้นหลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่ต่ออายุมาตรการชอร์ตเซลล์ (ห้ามโยนใส่บิด) และเกณฑ์ Ceiling-floor ให้กลับไปใช้ที่ ±30% ต่อวันตามเดิม ทำให้ตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้มีโอกาสที่จะผันผวนมากขึ้นอาทิ “ลงแรงเมื่อหลุดแนวรับ” “รีบาวด์แรงเมื่อถึงแนวรับสำคัญ” “ปรับขึ้นแรง เมื่อทะลุแนวต้าน” เป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น
ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯหลังประธาธิบดีสหรัฐฯติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทำให้เราประเมินในกรณีเลวร้ายที่ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ อาจทำให้ SET index มีโอกาสหลุดแนวรับสำคัญ 1200 จุด อย่างไรก็ดีเราประเมิน Valuation ระดับที่น่าสนใจเข้าซื้อลงทุนระยะยาวคือ 1150 จุด (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Quantamental ของฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ วันที่ 2 ต.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อแนวรับ – ขายแนวต้านเมื่อรีบาวด์ โดยสำหรับนักลงทุนระยะสั้นอาจเน้นกลยุทธ์นี้ไปที่หุ้นขนาดใหญ่ที่จะปรับตัวขึ้น-ลงแรง อาทิ หุ้นพิมพ์นิยมอย่าง GULF, TOP, MTC, AOT เป็นต้น ขณะที่สำหรับการลงทุนระยะยาว (มองไปปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า) เราประเมินหุ้นขนาดกลาง – เล็กที่มีประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ และมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องยังน่าสนใจลงทุน หากดัชนี SET index มีการย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ อาทิ PTG, SUSCO, SAT, ILINK และหุ้นคู่แม่-ลูก JMART-JMT-SINGER เป็นต้น
โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
www.mitihoon.com