NER ฉวยจังหวะซื้อช่วงปรับฐาน Q3ผลงานโตสุดเหวี่ยง (05/10/63)

586

มิติหุ้น –  NER โบรกฯ ประเมินงบไตรมาส 3/63 เห็นโอกาสเติบโตสูง รับผลดีปริมาณการขายเพิ่ม และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/63 ชี้เป็นจังหวะทยอยซื้อช่วงราคาปรับฐาน ฟากบิ๊กบอส “ชูวิทย์” การรันตีผลงานแจ่ม หลังลุยส่งมอบออเดอร์ใหม่ลูกค้าจีน 2 ราย แถมซุ่มเจรจาลูกค้ารายใหญ่อินเดียเพิ่ม

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ โดยแหล่งข่าวนักวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 63 คาดเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/63 โดยได้รับปัจจัยบวกจากบริษัทฯ มีกำลังผลิตจากโรงงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ประกอบกับโรงไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 4 เมกะวัตต์ คาดเริ่มขายไฟฟ้าได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/63 และบริษัทยังมีแผนขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มในอนาคต ขณะเดียวกันราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมารอบนี้มองว่าเป็นจังหวะในการปรับฐาน ดังนั้น แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม”

ราคายางพุ่ง-จีนป้อนดีล

“นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)ต่อเนื่อง และมั่นใจผลงานจะเติบโตทำนิวไฮในทุกๆ ไตรมาส โดยเป็นผลมาจากราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสิ้นปี 63 แตะ 60 บาท/กก. จากปัจจุบันที่ 55 บาท/กก. เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2/63 ที่ 50 บาท/กก. เพราะปัญหาภัยแล้งทำให้ซับพลายในตลาดหายไป รวมถึงได้รับอานิสงส์ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลงเหลือ 275 บาท/ตัน จากเดิม 350 บาท/ตัน ภายหลังจากโรงงานใหม่เริ่มเดินเครื่องการผลิต

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 3/63 บริษัทจะเริ่มทยอยส่งมอบยางพาราให้กับลูกค้ารายใหม่จากประเทศจีน ซึ่งเป็นสัญญาระยะยาว (Long Term Contact) จำนวน 2 ราย รวม 72,000 ตัน/ปี และลูกค้ารายใหม่จีนซึ่งเป็นสัญญาระยะสั้นอีก 2-3 รายด้วย โดยออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ “โรงงานแห่งใหม่” มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากกำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 1.76 แสนตันต่อปี (รวมทั้ง 2 โรงมีกำลังผลิตรวม 4.60 แสนตันต่อปี)

เตรียมรับออเดอร์เพิ่ม

พร้อมกันนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหญ่จากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสัญญา Long Term Contact เพิ่มเติม อีก 2 ราย คาดจะสั่งออเดอร์ยางพาราเข้ามาเพิ่มเติมอีก 48,000 ตัน/ปี ซึ่งจะได้ข้อสรุปและเริ่มส่งมอบออเดอร์ช่วงปลายไตรมาส 4/63 หรือต้นไตรมาส 1/64 ดังนั้นทั้งปี 63 คาดมีโอกาสรายได้รวมจะเติบโตทำนิวไฮสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ 1.7 หมื่นบ้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน ส่วนยอดขายจะอยู่ที่ 350,000 ตัน/ปี จากปีก่อน 280, 000 ตัน/ปี  และ ในปี 64 คาดรายได้รวมทำนิวไฮทะลุเป้าหมายที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/64 บริษัทมีแผนขยายกำลังผลิตจากโรงงานเดิมอีก 25% ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นแตะ 500,000 ตัน/ปี

www.mitihoon.com