ทำไม…ต้องมีหุ้น NRF ในพอร์ต?

2329

จากบทความพิเศษ ของ “ มิติหุ้น” ที่กล่าวถึงหุ้นน้องใหม่ NRF หรือ บริษัทเอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำไปแล้วในตอนที่ชื่อว่า “เสน่ห์หุ้นน้องใหม่

(https://mitihoon.com/2020/09/22/198804/)

NRF ผู้นำเทรนด์ Plant Based Food” ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมายซึ่งรอบนี้ขอนำเสนอในเรื่อง วิชั่นของผู้บริหาร “แดน ปฐมวาณิชย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จากการพัฒนาการผลิตอาหารโปรตีนจากพืชผ่านการร่วมทุนกับ THE BRECKS COMPANY LIMITED หรือ ‘เบรคส์’ ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 27 ปี ในธุรกิจผลิตอาหารโปรตีนจากพืช โดยร่วมกันจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ Plant and Bean Ltd. ที่ประเทศอังกฤษ รับจ้างผลิตอาหารโปรตีนจากพืชให้กับบริษัทอาหารชั้นนำของโลก ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้งโดยเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันประมาณ 3,400 ตันเป็น 36,000 ตันภายในปี 2564 ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว

จับมือพันธมิตรบุกออนไลน์

ล่าสุดบริษัทยังมีแผนลงทุนสร้าง NRF Global E-commerce Platform ร่วมกับ Boosted ECommerce Inc. (Boosted) เพื่อร่วมกันเข้าลงทุนในธุรกิจ branded e-commerce (Consumer Package Brands: CPG) ของ Third-party Seller ที่มียอดขายบน Amazon E-commerce marketplace และมีผลกำไรแล้ว รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูง (Third-party seller หมายถึง ผู้ขายสินค้าบน Amazon.com ที่ไม่ใช่บริษัท Amazon.com Inc.) โดยภายหลังจากการลงทุนบริษัทฯ จะร่วมกับ Boosted ในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจที่เข้าลงทุนให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การปรับปรุง Supply Chain, การขยายขนาดธุรกิจ Scalability เป็นต้น

จุดประสงค์หลังก็เพื่อขยายธุรกิจออนไลน์ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้กระจายเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่ามีโอกาสในการเติบโตมาก โดยข้อมูลจาก Statista ระบุว่าในไตรมาส 2 ปี 2563 Third-party seller มียอดขายคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณร้อยละ 53 ของยอดขายของ Amazon ทั้งหมด (เม.ย.-มิ.ย. 2563 Amazon มีรายได้ 88.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท)

ร่วมลงทุนหนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ

นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมลงทุนใน Big Idea Venture และกองทุนนิวโปรตีนขนาดกองทุน 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนแบบ Accelerator ที่ให้เงินทุนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพเกี่ยวกับอาหารโปรตีนจากพืชพร้อมทั้งคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมีเป้าหมายการลงทุนประมาณ 100 สตาร์ทอัพ ภายใน 3 ปี โดยปัจจุบันลงทุนแล้วประมาณ 27 สตาร์ทอัพ มากกว่าครึ่งหนึ่งของสตาร์ทอัพเหล่านั้นมียอดขายแล้ว ทั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีทางธุรกิจกับสตาร์ทอัพด้านอาหาร (Food Tech Startups) และเป็นการสร้างโอกาสให้กับบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการเป็น Preferred Co-Packer ให้กับสตาร์ทอัพต่าง ๆ ของกองทุน

NRF โดดเด่นที่สุดเวลานี้

ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยังระบุอีกว่า NRF มีความโดดเด่นจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง และพร้อมรับประทาน อยู่ในอุตสาหกรรมมา 30 ปี มีแบรนด์ของตนเองและรับจ้างผลิตสินค้ามากกว่า 2,000 SKU และมากกว่า 500 สูตรอาหาร รวมทั้งมีช่องทางการจำหน่ายกว่า 25 ประเทศ โดยกลุ่มอาหาร Ethnic Food ที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ มีแนวโน้มเติบโตได้ดีตามอุตสาหกรรมอาหารโลก รวมทั้งมีทีม R&D ที่แข็งแกร่งในการพัฒนาสินค้าร่วมกับลูกค้า NRF ยังผลิตอาหารโปรตีนจากพืช ซึ่งเป็นกระแสการบริโภคอาหารแห่งอนาคต โดยเฉพาะการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ จากการร่วมลงทุนใน Start-up หลายแห่ง

มีศักยภาพเติบโตสูง

คาดว่ากำไรสุทธิปี 2564 เติบโต 217% เป็น 300 ล้านบาท เนื่องจาก 1) การเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน City Food จาก 15% เป็น 100% 2) ลงทุนในเครื่องจักรเพื่อผลิตเส้นบุกเอง 2,700 ตัน/ปี ในไตมาส 4/63 ทำให้มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น 3) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Plant and Bean ที่ขยายกำลังการผลิตจาก 4,757 ตัน/ปี เป็น 36,000 ตัน/ปี ภายในปี 2564 และ 4) มีรายได้จากการผลิต V-shape อีกทั้งคาดว่าค่าใช้จ่ายลดลงจากปี 2563 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษหลายรายการ และดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังจากคืนหนี้ระยะยาว การเติบโตระยะยาวยังมาจากการลงทุนใน Start-up ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งจะกลายมาเป็นลูกค้าหรือคู่ค้าของบริษัท รวมทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตของ Plant and Bean ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และ Organic growth ของธุรกิจเดิมปีละไม่ต่ำกว่า 7% ตามการเติบโตของอุตสาหกรรม การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และขยายตลาด

PE ต่ำเทียบกับคู่แข่ง

ฝ่ายวิจัยจึงประเมินมูลค่าหุ้น NRF โดยอ้างอิงจาก PE ของกลุ่มอาหารในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 24-30 เท่า โดยเราให้ PE ของ NRF ที่ระดับ 26 เท่า เนื่องจากคาดว่า NRF จะมีอัตราการเติบโตสูงกว่า และได้ Premium จากการมีสินค้าโปรตีนจากพืช แต่มี Market cap และฐานรายได้ต่ำกว่า ราคาเป้าหมายของ NRF จะเท่ากับ 5.75 บาท ซึ่งคิดเป็น Market Cap. 7,796 ล้านบาท หรือ 247 ล้านเหรียญ

www.mitihoon.com