ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ทิสโก้ ระบในบทวิเคราะห์ บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ว่า ฝ่ายวิจัยคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 14.30 บาท (SOTP) สำหรับ BGC จาก 1) ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 98 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ 24% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และคาดในไตรมาส 4/63 ผลประกอบการจะยังคงเติบโต YoY และ QoQ เช่นกัน
2) คาดความสามารถในการทำกำไรในปี 2563 ขยายมาที่ 20% (จาก 15.3% ในปี 2019) จากต้นทุนหลักทั้งพลังงานและเศษแก้วที่ยังคงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ 3) ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเข้ามาช่วยเพิ่มความมั่นคงของรายได้มากยิ่งขึ้นด้วยอัตรากำไรที่สูงถึง 56-57% และ 4) บริษัทยังจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3-4%
คาดกำไรQ3เติบโต 23%
ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการของ BGC ในไตรมาส3/63 อยู่ที่ 98 ล้านบาท เติบโต 23% และ 24% QoQ จาก 1)คาดรายได้รวมอยู่ที่ 2,534 ล้านบาท (0.3% YoY , +16% QoQ) โดยรายได้จากธุรกิจบรรจภัณฑ์แก้ว คาดเติบโตได้ดี 20% QoQ มาที่ 2,465 ล้านบาท หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในไตรมาส2/63 ส่วนธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม คาดรายได้จะลดลงเล็กน้อยจากฤดูกาล 2) โดยส่วนที่ผลักดันกำไรเติบโต ได้แก่ อัตรากำไรขั้นต้น คาดลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส2/63 ที่ 19.6% แต่เพิ่มขึ้นจาก 14.9% ในไตรมาส3 จากประสิทธิภาพการผลิตที่คาดปรับตัวดีขึ้นมาที่ 85.8% ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2562 ราว 10% YoY นอกจากนี้ จากธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 50% ช่วยให้อัตรากำไรสูงขึ้น
เข้าสู่ช่วง high season คาดกำไรทั้งปียังเติบโต
สำหรับปี 2563 ฝ่ายวิจัยคาดแม้จะได้รับผลกระทบด้านยอดขายในไตรมาส2 แต่ด้วยคำสั่งซื้อที่กลับมาปกติได้เร็วตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา ทำให้คาดในปีนี้กำไรสุทธิของ BGC จะยังสามารถรักษาระดับทรงตัว YoY ได้ โดยคาดการณ์ไตรมาส4/63 จะยังเป็นไตรมาสที่ดีของบริษัท โดยคาดจะเติบโต QoQ และ YoY
ส่วนในปี 2564 คาดผลประกอบการจะเติบโตได้สูงถึง 26% YoY มาที่ 677 ล้านบาท จาก 1) คำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีต่อเนื่องเพื่อเตรียมสินค้าสำหรับช่วง high season สำหรับกลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตปรับตัวสูงขึ้น 2) แม้ต้นทุนพลังงานจะปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบ YoY ดังนั้น จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมยังอยู่ในระดับ 4.8%
ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท
ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 14.30 บาท อิงจากวิธี SOTP จาก 1) ประเมินมูลค่าธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว อิงจาก PER 14x ปี 2021F ด้วย EPS ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว 0.87 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่เหมาะสม 12.25 บาท 2) ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม อิงจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF ตามสัดส่วนการถือหุ้น 67% ของบริษัท สมมติฐาน WACC 5.2% (Rf 1.1% Rp8.4% Beta 1x และไม่มี Terminal Value) มูลค่าที่เหมาะสม 2.05 บาทต่อหุ้น ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อัตราการใช้กำลังการผลิตและประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าที่ประเมิน
www.mitihoon.com