ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.ซีฟโก้ หรือ SEAFCO ว่า ฝ่ายวิจัยคาด SEAFCO จะมีกำไรปกติในไตรมาส3/63 ราว 67 ล้านบาท (-35%YoY,-7%QoQ) ผลกระทบจากการรับรู้รายได้ 650 ล้านบาท (-14%YoY,-11%QoQ) รายได้ลดลง เนื่องจากยังมีผลกระทบจากคนงานต่างประเทศที่ยังไม่สามารถเดินกลับได้เนื่องจาก COVID -19
ประกอบกับมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จหลายโครงการ เช่น ศูนย์ราชการทำให้อยู่ระหว่างการย้ายเข้าพื้นที่งานใหม่ โดยมีระดับมาร์จิ้นอยู่ที่ระดับ 18.2% ลดลงจากรายปี (ไตรมาส3/62) ที่ 20.8% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ของงานในส่วนของงานค่าแรงที่มีมาร์จิ้นดีน้อยกว่า อย่างไรก็ดี คาดในไตรมาส4/63 ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นจากการเริ่มต้นงานใหม่ เช่น งานมอเตอร์เวย์พระราม 2 มหาชัย วงเงินก่อสร้างราว 200 ล้านบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นดีเนื่องจากเป็นงานเฉพาะค่าแรง
ปี 2564 มีงานขนาดใหญ่รอ
ปี 2563 ฝ่ายวิจัยคาด SEAFCO มีโอกาสรับงานใหม่ทั้งปีราว 2- 2.5 พันล้านบาท หลังจากต้นปีเดือน ก.ย.บริษัทได้รับงานใหม่แล้ว 1.9 พันล้านบาท ล่าสุดเป็นงานเสาเข็มอาคารจอดรถของรถไฟฟ้าสายสีส้ม คาดยังมีงานใหม่เพิ่มต่อเนื่อง โดย SEAFCO มีงานในมือปัจจุบัน 2.5 พันล้านบาท คาดรองรับรายได้ไปปี 2564 ราว 1.5 พันล้านบาท สำหรับในปี 2564 ยังมีงานมูลค่าสูงที่คาดหมายจะได้รับ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย และงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบินที่จะมีความชัดเจน ต่องานเสาเข็มและงานฐานรากในช่วง 1H63 ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นโอกาสต่อยอดการรับงานใหม่เพิ่ม
แนะนำเป็น เก็งกำไร
แนะนำ เก็งกำไร โดยปรับประมาณการกำไรของปี 2563 ลง 10% เป็น 309 ล้านบาท จากรายได้ที่ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 13% อย่างไรก็ดี คาดในปี 2564 สถานการณ์มีโอกาสกลับมาดีขึ้น และงานใหม่มีความชัดเจนมากขึ้นและ SEAFCO สามารถแก้ไขสถานการณ์เรื่องขาดแคลนแรงงานได้
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ไว้เดิมที่ 355 ล้านบาท ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 7.45 บาท (อ้างอิง PE ที่ 15.5 เท่าซื้อขายระดับ PE-0.5SD น้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 17.4 เท่า) ปัจจุบันบริษัทซื้อขายระดับ PE เพียง12 เท่า หรือ (PE-1SD เท่า) และ PBV ที่ 2 เท่า (PBV -1.5SDเท่า) บริษัทคงจุดเด่นจากการเป็นผู้นำในกลุ่มฐานราก มีโอกาสรับงานจากความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีโอกาสรับงานจากการเป็น Sub-Contract