TWPC รับทรัพย์เทศกาลเจ ออเดอร์ล้นจีนล้น

381

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ใกล้เข้าเทศกาลเจ ช่วงวันที่ 17-25 ต.ค.63 แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ระบุว่า มีหุ้นที่น่าน่าจับตารับผลดี 3 เด้งนั่นก็คือบมจ.ไทยวา (TWPC) ล่าสุดออเดอร์จากจีนทะลักเหตุเพื่อทดแทนแป้งข้าวโพดที่ราคาพุ่งจากปัญหาน้ำท่วมในจีน และค่าเงินหยวนแข็งค่าสนับสนุนสินค้าส่งออกไปจีน และที่สำคัญใกล้ช่วงเทศกาลกินเจด้วย พร้อมประเมินราคาหุ้น Downside จำกัด PBV ต่ำมากเพียง 0.6 เท่า

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า ราคาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มูลค่าน่าสนใจหลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาผลประกอบการลดลงโดยเฉลี่ย 24% ต่อปีจากเดิมที่ 669 ล้านบาทในปี 59 เป็น 68 ล้านบาทในปี 2019 ทำให้เรามองว่าผลประกอบการของ TWPC จะกลับมาฟื้นตัว 153% ในปี 2020F หนุนจากฐานที่ต่ำในปีก่อนตามด้วยการเติบโต 77% ในปี 64F หนุนโดย 1) กำลังการผลิต Cassava ที่เพิ่มขึ้นจากต่ำสุดรอบ 9 ปี 2) ราคาของ Tapioca Starch ที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ราคาของ Corn Starch เพิ่มขึ้น และ 3) การเพิ่มกำลังการผลิตของ HVA (33% ของรายได้รวม) และอาหาร (24% ของรายได้รวม) และด้วยราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 0.53 เท่า, PER ที่ 10 เท่า ทำให้เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

 

อัตรากำไรกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วง Q4

ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/63 เป็นต้นไป จากทั้งยอดการส่งออกและราคาที่เพิ่มขึ้น โดยราคาของ Tapioca starch เพิ่มขึ้น 3 – 6% เป็น 13.1 บาท/กก. และราคาส่งออกที่ 450 ดอลลาร์/ตัน ฟื้นตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในเดือน เม.ย. ทำให้ TWPC จะได้ประโยชน์จากการซื้อกิจการของ Mae Sot Starch และ TDC ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/63F เป็นต้นไป

 

อุปทานของ Cassava กลับมาเพิ่มขึ้น 12% ในปี 63-64F, ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น

ด้วยภัยแล้งและโรคระบาดที่กดดันอุปทานของ Cassava ในปี 62-63 ทำให้ผลผลิตลดลงเป็น 25.3 ล้านตัน (ลดลง 12% YoY) ทำให้ผลผลิตลดลงเป็น 2.9 ตัน/ไร่ ทำให้ปัจจุบัน TDDI คาดว่าผลผลิตของ Cassava ในปี 63 – 64F จะฟื้นตัวขึ้น 12% YoY เป็น 28.3 ล้านตัน จากพื้นที่การเพาะปลูกที่เพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านไร่ และผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 ตัน/ไร่และด้วยผลตอบแทนกับการการันตีราคาของภาครัฐ ทำให้ชาวสวนสลับจากอ้อยมาเป็น Cassava แทน เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 19.4 – 19.5% ในปี 64– 65F จากเดิมที่ 16.2 – 16.3% ในปี 61-62

 

ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 4.60 บาท อิง PER ที่ 13 เท่าสำหรับปี 64F โดยมีความเสี่ยงคือ 1) ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และ 2) ผลผลิตที่ลดลง

 

www.mitihoon.com