มิติหุ้น-‘บมจ. เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์’ หรือ NRF ผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำ จัดกิจกรรม Plant-Based & Sustainability Festival หรือเทศกาลอาหารโปรตีนจากพืชที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ณ แสนสิริ แบคยาร์ด เตรียมเปิดตัว Root the future เครือข่ายที่พร้อมจะขับเคลื่อนสังคมไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน พร้อมตอกย้ำกระแสอาหารแห่งอนาคต (Plant-based food) หวังช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในประเทศ 3-5% จากปัจจุบันที่ NRF ส่งออกทั้งหมด 100% พร้อมวางเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Plant-based ประมาณ 30-40% ภายในปี 2567 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 6.4%
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ถือโอกาสในการจัดงานในครั้งนี้เพื่อเปิดตัว บริษัท Root the Future อย่างเป็นทางการ โดยจัดงานเทศกาล Root The Future Festival: Plant-Based & Sustainability ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น. เป็นต้นไป ณ แสนสิริ แบคยาร์ด โดยภายในงานมีการมอบรางวัล Plant-Based Food Award ครั้งแรกของไทยเพื่อตอกย้ำนโยบายและแนวทางในการสร้างสังคมและโลกที่ยั่งยืนโดยเตรียมการให้ Root the Future ดำเนินการเป็น Social Enterprise ในอนาคตอันใกล้ พร้อมทั้งมอบเงินให้แก่มูลนิธิเสริมกล้าเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆที่ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนไทย ให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการจัด Workshop การเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญ และภาพยนตร์ให้ได้รับชมกันทั้ง 2 วัน พร้อมมีร้านอาหารและร้านค้าร่วมงานกว่า 65 ราย ซึ่งจะใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากพลาสติกเพื่อช่วยลดขยะ และจะช่วยโลกอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้บริษัทฯ เตรียมนำผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช มาเปิดตัวที่ประเทศไทย จำนวน 2 แบรนด์ คือ 1.) แบรนด์ Phuture Meat สามารถใช้ทานทดแทนเนื้อหมูสับ ซึ่งมีกลิ่น รส และเนื้อสัมผัสใกล้เคียงหมูสับจริงๆ และ 2.) แบรนด์ The Meatless Farm โดยนำผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชมาปรุงรสด้วยสูตรของบริษัทฯ และนำมาทำเป็น Vegan beef patty ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้จะให้ลักษณะคล้ายเนื้อวัว ในขณะที่ Phuture จะมีลักษณะคล้ายเนื้อหมู ทั้ง 2 แบรนด์มีโปรตีนสูงไม่ต่างจากเนื้อสัตว์ ไม่มีคลอเลสเตอรอล ไม่มีไขมันอิ่มตัว มีไฟเบอร์สูงกว่าเนื้อหมูสับและเนื้อทั่วไป ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า เหมาะกับผู้ที่รักและใส่ใจสุขภาพ กังวลเรื่องปัญหาไขมันและคลอเลสเตอรอลสูง และผู้ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้ลดการปล่อยคาร์บอนในบรรยากาศ ตอกย้ำการเป็นองค์กรปราศจากคาร์บอนอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์ Vegan dim sum อีก 4 เมนู คือ ขนมจีบ, เกี๊ยวซ่า, ซาลาเปาหมูสับ และซาลาเปาหมูแดง ที่พัฒนาให้เป็นสูตรวีแกน และใช้เนื้อจากพืช แบรนด์ Phuture มาพัฒนาเป็นไส้ติ่มซำ สูตรพิเศษ ปราศจากส่วนผสมของเนื้อสัตว์ และเครื่องปรุงที่มีส่วนประกอบจากสัตว์ และยังสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูกับข้าวไทยๆ เช่น ผัดกระเพราหมูเจ, ลาบหมูเจ, ต้มจืดเต้าหู้หมูสับเจ และ แกงเขียวหวานหมูเด้งเจ ซึ่งคาดว่าภายในงานจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภค ทั้งผู้ที่ทานเจ, วีแกน, มังสวิรัติ และกลุ่มคนทั่วไป ทุกเพศทุกวัยที่ต้องการลิ้มลองอาหารจากโปรตีนพืช รวมถึงผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และผู้ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมออกบูทในช่วงงานเทศกาลอาหารเจ ที่ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ และ เซ็นทรัล จำนวน 4 สาขา อาทิ วันที่ 15-25 ต.ค.63 ณ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, วันที่ 16-25 ต.ค.63 ณ เดอะมอลล์ บางแค, วันที่ 16-25 ต.ค.63 ณ เซ็นทรัล เวิลด์ และวันที่ 16-25 ต.ค.63 ณ เซ็นทรัล ชิดลม
“เราต้องการจะเปลี่ยนเทศกาลอาหารเจให้กลายเป็นเทศกาลอาหาร Plant-Based ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มคนที่รับประทานอาหารเจ แต่สามารถขยายกลุ่มผู้บริโภคไปยังวงกว้างที่ต้องการลิ้มลองอาหารจากโปรตีนพืช โดยได้จัดงานเทศกาลอาหารจากพืชและความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย ซึ่งภายในงานจะมีร้านค้าที่ให้ทดลองทานอาหาร ซื้อสินค้า พร้อมร่วมกิจกรรม Workshop ชมภาพยนตร์ และฟังดนตรี และ NRF ได้นำผลิตภัณฑ์เข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นครั้งแรกภายในงานอีกด้วย โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมในงานกว่า 7,000-10,000 คน พร้อมวางแผนที่จะจัดงานเทศกาลอาหารอาหารจากพืชและความยั่งยืน เป็นประจำต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย” นายแดน กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มขยายตลาดอาหารโปรตีนจากพืชในประเทศไทย โดยเริ่มที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เป็นที่แรก ซึ่งทุกห้องอาหารภายในโรงแรมจะมีเมนูอาหาร Plant-Based Food เข้ามาให้บริการ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า โดยมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มโรงแรม 5 ดาว ในกรุงเทพฯ อีกหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหารชื่อดังต่างๆ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านร้านอาหารวีแกน, ร้านอาหารทั่วไป ห้องอาหารภายในโรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ พร้อมอยู่ระหว่างการนำผลิตภัณฑ์ Plant-Based ตัวอื่นๆ ของต่างประเทศเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Plant-based ประมาณ 30-40% ภายในปี 2567 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่ 6.4% และถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพิ่มสัดส่วนรายได้จากในประเทศให้เป็น 3-5% จากปัจจุบันที่ NRF ส่งออกทั้งหมด 100%
www.mitihoon.com