กรุงศรีจับมือกับ BlackRock เปิดตัว KFCORE คำตอบเดียวสำหรับทุกสภาวะการลงทุน

113

มิติหุ้น –  บลจ.กรุงศรี จับมือกับ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 7 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ* เปิดตัวกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE) โดย BlackRock เป็นผู้บริหารกองทุนให้โดยเฉพาะ มุ่งให้เป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ตการลงทุน เพราะกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ปรับพอร์ตรวดเร็วให้เหมาะกับทุกสภาวะการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอพร้อมลดความผันผวน เป็นเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ากรุงศรีเท่านั้น เสนอขายครั้งแรก 15 – 27 ต.ค. นี้

นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE) สามารถใช้เป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุนสำหรับทุกคน โดย BlackRock จะบริหารกองทุนด้วยการเลือกลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วโลกทั้งในส่วนของตราสารหนี้และตราสารทุนตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา เน้นสร้างผลตอบแทนที่ดีพร้อมบริหารความเสี่ยงไม่ให้สูงมากเกินไป   โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Tactical Asset Allocation ที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว ปรับพอร์ตในเชิงรุกตามปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง   เพื่อจัดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆให้สอดคล้องกับสถานการณ์    กลยุทธ์นี้จึงเหมาะกับภาวะตลาดปัจจุบันที่มีความผันผวนสูงและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

“จุดเด่นในแง่กลยุทธ์การบริหารกองทุนของ BlackRock คือ มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และใช้การวิเคราะห์แบบ Top-down approach โดยให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาคที่เป็นตัวขับเคลื่อนปัจจัยพื้นฐานของแต่ละสินทรัพย์ เพื่อเฟ้นหาสินทรัพย์ที่ราคาผิดไปจากที่ควรจะเป็น และใช้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ของ BlackRock ทั่วโลกควบคู่ไปกับ Tactical Asset Allocation”

“กลยุทธ์ Tactical Asset Allocation จะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 50-80% เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความ   ผันผวน โดยเน้นการลงทุนในตราสารภาครัฐจึงช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของตราสารทุนนั้นจะมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 20-50% เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนรวมที่ดี โดยเน้นการลงทุนรายประเทศมากกว่ารายอุตสาหกรรม   รวมทั้งมีการลงทุนผ่าน ETF ภายใต้การบริหารของ BlackRock ในชื่อ “iShares” ซึ่งเป็นผู้ออก ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมหลากหลายสินทรัพย์และภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งมีต้นทุนต่ำและสภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่ต้องการการปรับพอร์ตอย่างรวดเร็ว”

“ทั้งนี้ ประวัติผลตอบแทนย้อนหลังของกลยุทธ์การลงทุนแบบ Tactical Asset Allocation จากการทำ Backtest ตั้งแต่ปี 2013 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.90% ต่อปี และในปีที่ดีที่สุดอยู่ที่ 15.70% ในปีที่แย่ที่สุดอยู่ที่ -0.90% เท่านั้น**” นางสุภาพร กล่าว

www.mitihoon.com