มิติหุ้น-บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จำนวน 1 รุ่น อายุ 2 ปี 5 เดือน 5 วัน ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ที่ระดับ BBB โดยมีธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ คาดว่าจะเสนอขายวันที่ 13 พฤศจิกายน และ 16-17 พฤศจิกายน 2563
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน เปิดเผยว่า NOBLE ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยทาง NOBLE ได้เตรียมที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ อายุ 2 ปี 5 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุก ๆ 100,000 บาท คาดว่าจะเสนอขายภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนพฤศจิกายน 2563 และสำรองสำหรับเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยทางบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB แนวโน้ม “Stable” โดยปรับขึ้นจากแนวโน้ม “Negative” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563
คุณอรรถวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุหลักที่ได้ปรับแนวโน้มเป็น Stable หรือ คงที่ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงที่ผ่านมาทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัทฯ ทยอยเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เป็นจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ได้เปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ ได้แก่ นิว โนเบิล งามวงศ์วาน นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว และ นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายได้กว่า 40%-60% ในแต่ละโครงการ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง นอกจากนั้น บริษัทฯยังได้ทยอยขายและโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการคอนโดที่สร้างเสร็จ อาทิเช่น โนเบิล เพลินจิต โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 เป็นต้น โดยบันทึกยอดขายได้กว่า 2,800 ล้านบาท ส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯมีรายได้รวม 4,023 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 714 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าจะทำรายได้ในปี 2563 ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วและโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จ อาทิ โนเบิล บี ไนน์ทีน สุขุมวิท 19 โนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 และนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 5,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯยังได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของโควิด-19 เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับในตลาด ขณะที่ความแข็งแกร่งของ NOBLE ยังสะท้อนได้จากอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯที่ระดับ BBB ซึ่งตอกย้ำสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นที่ยอมรับว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย
www.mitihoon.com