มิติหุ้น- WHA ติดโผหุ้น Top Pick ของกลุ่มนิคมฯ จับตาไตรมาส 4/63 กำไรสุดพีค หลังขายสินทรัพย์เข้ากองทุน 4.6 พันล้านบาท แถมปักธงยอดขายที่ดิน 900 ไร่ ชี้รัฐเปิดประเทศยอดโอนที่ดินทะลัก ซุ่มดีลเช่าคลังสินค้าล็อตใหญ่ เป้า 4.20 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดย “นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น WHA และจัดให้เป็น Top Pick ของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
กำไรพีค-ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน
เนื่องจากไตรมาส 4/63 กำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดแห่งปี เพราะจะรับรู้รายได้ขายสินทรัพย์เข้ากองทุนจำนวน 2 กอง มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ประเภท Built-to-Suit จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 3,233.96 ล้านบาท และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มูลค่าราว 1,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ “ธุรกิจโลจิสติกส์”ยังเติบโตได้ดี เพราะความต้องการพื้นที่คลังให้เช่าสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 4.20 บาท
ด้าน “บล.เคทีบี (ประเทศ)” เปิดเผยว่า ในปี 63 คาดกำไรปกติจะอยู่ที่ 2.73 พันล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน เพราะ 1. ยอด transfer อยู่ที่ 364 ไร่ ลดลงจากปีก่อนที่ 1,110 ไร่ โดยมี Backlog รวม LOI ที่ 720 ไร่ คาดว่าจะสามารถโอนได้บางส่วนในปีนี้ ภายหลังที่ให้นักลงทุนสามารถเดินทางเข้าประเทศ และกักตัว 14 วันได้ และ 2.คาดรับรู้รายได้ และส่วนแบ่งกำไรจากการขายทรัพย์เข้ากอง WHART และ HREIT เป็นปกติในไตรมาส 4/63ประมาณ 2.38 พันล้านบาท
ยอดขายที่ดินQ4พุ่ง
ทั้งนี้คาดว่ายอด presale และ transfer จะกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/63 เพราะมีการเปิดประเทศ จะช่วยหนุนให้ฐาน Backlog สิ้นปี63 สูงขึ้น และยอด presale จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปปี 64 จากปัจจัยการย้ายฐานผลิต และการให้สิทธิประโยชน์ EEC แนะนำ “ซื้อ”เป้าหมาย 3.80 บาท
“นางสาวจรีพร จารุกรสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA เปิดเผยว่า คาดผลงานไตรมาส 4/63 จะสูงสุดแห่งปี เพราะบริษัทมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุน WHART จำนวน 2 กอง มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก “ธุรกิจสาธารณูปโภค” ที่ฟื้นตัวได้ดี
ซุ่มดีลคลังสินค้า1.7แสนตรม.
ด้าน “ธุรกิจนิคมฯ” ในปี 63 ตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 900 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายในประเทศไทย 600 ไร่ และประเทศเวียดนาม 300 ไร่ ขณะที่ “ธุรกิจโลจิสติกส์” เติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ” โดยช่วงครึ่งแรกของปี 63 มีการลงนามในสัญญาเพื่อเช่าคลังสินค้าแบบ Buit-to-Suit รวมถึงโรงงานสำเร็จรูป (RBF) และคลังสินค้าสำเร็จรูป (RBW) ไปแล้วเกือบ 100,000 ตารางเมตร และในไตรมาส 3/63 ได้มีการลงนามสัญญาอีกประมาณ 40,000 ตารางเมตร
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าอีกกว่า 170,000 ตารางเมตรกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจอาหารและธุรกิจผู้ประกอบการโลจิสติกส์” โดยบริษัทคาดว่าพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมดของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,560,000 ตารางเมตร ภายในสิ้นปี 63 นี้
www.mitihoon.com
