มิติหุ้น-วายแอลจี เปิดสถิติราคาทองในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐ 4 รอบย้อนหลัง พบราคาทองมีทั้งปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลง แต่ครั้งล่าสุดราคาทองแกว่งตัวในกรอบกว้าง พร้อมแนะจับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐหากทรัมป์ชนะมีผลทั้งในทางบวกและลบ แต่หากไบเดนชนะ เชื่อตลาดทองคำไปต่อได้ มองเทคนิคระยะยาวตลาดทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้น มองสัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 1,885-1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ล่าสุดเพิ่มสินค้าใหม่ Silver Online Futuers เพิ่มทางเลือกนักลงทุนกระจายความเสี่ยง
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่านัลงทุนเริ่มจับตาประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่มีข่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความพยายามแทรกแซงจากต่างชาติ ทั้ง จีน รัสเซีย และอิหร่าน ว่าประเทศเหล่านี้มีข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของสหรัฐ และเกิดการส่งอีเมลกดดันให้มีการเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำให้การเลือกตั้งมีความเสี่ยงและมีความผันผวนต่อทิศทางตลาดเงินและตลาดทุน นักลงทุนจึงจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าฝ่ายใดชนะแต่ถ้ามีการเปิดเผยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกแทรกแซงจากต่างประเทศ ก็จำทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีข้อกังขาในเรื่องความโปร่งใส และส่งผลต่อการลงทุน เพราะหากเกิดความไม่โปร่งใสแล้วโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้ง อาจจะไม่ยอมส่งมอบอำนาจให้โจ ไบเดนอย่างราบรื่น ส่งผลให้การเมืองสหรัฐมีความเสี่ยงมากขึ้น
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าหากผลการเลือกตั้งออกมาว่าโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากโจ ไบเดน มีนโยบายภาษีที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งหากหุ้นปรับตัวลงเงินลงทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ กลับกัน หากหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะ แม้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และจะทำให้ราคาทองปรับลดลง อย่างไรก็ตาม นโยบายบางอย่างของนายทรัมป์อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำได้ เพราะช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีนโยบายสงครามการค้า ที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากดูข้อมูลสถิติย้อนหลังราคาทองคำวันที่มีการเลือกตั้งสหรัฐ พบว่า 8 พ.ย. 2559 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 1,281.28ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,275.26ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 6.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนครั้งก่อนหน้า 6 พ.ย. 2555 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 1,684.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,715.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อ 4 พ.ย. 2551 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 722.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 763.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 41.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อ 2 พ.ย. 2547 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 425.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 421.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ จะเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและการเลือกตั้งสหรัฐไม่ชัดเจนนัก แต่ที่น่าสังเกต คือ การเลือกตั้งในปี 2559 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะเหนือนางคลินตัน ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมากในระหว่างการซื้อขายของวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่มีการนับคะแนน โดยมีระดับราคาสูงสุดที่ 1,337.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีระดับต่ำสุดที่ 1,269.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ มีกรอบการแกว่งตัวถึง 68.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในวันเดียว ขณะที่การเลือกตั้งในครั้งนี้มีแนวโน้มจะสร้างความผันผวนให้แก่ทองคำไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบเพื่อรอความชัดเจนของการเลือกตั้ง ระยะสั้น มองว่าหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ยังต้องระวังการอ่อนตัวลงของราคา ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,885-1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ยังมีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน และหากราคาผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จะทำให้ภาพรวมมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องการระบดของ COVID – 19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐยังคงถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ในส่วนของ YLG ได้เพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ลงทุนผ่านตลาด TFEX ด้วยการเพิ่มสินค้า Silver Online Futuers เพื่อเป็นช่องทางการกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ราคาทองคำอาจมีการผันผวน สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.ylgfutures.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02–687–9999
www.mitihoon.com