ช่วงสัปดาห์นี้ ประเด็นเศรษฐกิจที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่าง Microsoft , Apple , Amazon ที่จะเริ่มรายงานตั้งแต่วันที่ 27 ถึงวันที่ 29 ตุลาคม คาดว่าผลกำไรของ Amazon จะเติบโตได้ดีที่สุดจากทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการรายงานตัวเลขเศรฐกิจไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ , เยอรมัน และยุโรป คาดว่าจะยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 สอดคล้องกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงก่อนหน้า จึงเป็นปัจจัยหนุนดัชนีตลาดหุ้นของตลาดสหรัฐฯและยุโรปได้ ส่วนประเด็นการดีเบตครั้งสุดท้ายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเด็น พบว่า ท่าทีของไบเด็นมีแนวโน้มที่จะยกเลิกการปิดเมือง หลังคะแนนนิยมมีการลดลงในช่วงการดีเบตรอบที่ผ่านมา ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงยืนยันว่าจะเปิดเมืองต่อไป แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้การติดเชื้อของสหรัฐฯ ล่าสุดเพิ่มขึ้นจำนวน 8 หมื่นรายต่อวัน ติดต่อกันหลายวัน และเมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ทำให้มีความกังวลว่าอาจมีการ ล็อกดาวน์รอบใหม่ ขณะที่งบประมาณเยียวยาเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ยังไม่คืบหน้า ดังนั้น ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดการโยกเงินลงทุนเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อย่าง ดอลล่าร์สหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ดิ่งลงกว่า 600 จุดในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (26)
ด้านของตลาดหุ้นไทย ปัจจัยเรื่องการชุมนุมของคณะราษฎรที่กดดันรัฐบาลเพิ่มขึ้น ต้องจับตาดูว่าการประชุมสภาฯ ทั้ง 2 วัน จะหาทางออกในเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่โดยภาพรวมมองว่าเป็นผลลบต่อตลาดมากขึ้น เพราะสถานการณ์ยังไม่สามารถคาดการณ์ทางออกของเรื่องนี้ได้ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยจึงมีความอึมครึมในช่วงนี้ การลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้ ยังคงคำแนะนำให้ติดตามชุมนุม เตรียมพร้อมที่เข้าซื้อและขายออก ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน แนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นในหุ้นเล็กและขนาดกลางรวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมา
สำหรับการลงทุนในตลาดต่างประเทศ KTBST SEC คาดว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่างประเทศจะยังคงปรับบวกได้ตามทิศทางการรายงานผลประกอบการที่ออกมา อีกทั้งเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แนะนำให้นักลงทุนทยอยลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนออกในช่วงที่ตลาดมีการปรับตัว และรอจังหวะไปเข้าซื้ออีกครั้งหลังผลการเลือกตั้งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น KTBST SEC ยังคงเน้นลงทุนในประเทศที่มีการใช้มาตรการ QE และมีการเติบโตของกำไรในปี 2021 ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา , จีน และยุโรป
นอกจากนี้ ยังแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโลยี ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยบลจ.วี อยู่ระหว่างการเปิดขาย IPO กองทุนเปิด วี วีดิโอ เกมมิ่งแอนด์ อีสปอร์ต (WE VIDEO Gaming and eSports Fund : WE-PLAY) ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2563 โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก VanEck Vectors® Video Gaming and eSports ETF ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับวิดิโอเกม และ eSports เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นกลุ่มธุรกิจดังกล่าว **ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน*
โดยชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST SEC)
www.mitihoon.com