ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน โดยได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่มบริษัท 5 โรงเรียน โดย บล.ทิสโก้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11 บาท จากปัจจัยสนับสนุน 3 ปัจจัยดังนี้ 1) คาดผลประกอบการไตรมาส 3/63 ใกล้เคียงไตรมาส 2/63 เนื่องจากยังอยู่ในช่วงจากการปรับลดค่าเทอม เทอมเพื่อช่วยผู้ปกครองในช่วง COVID-19 2) คาดแนวโน้มไตรมาส 4/63F กำไรจะเริ่มกลับมาปกติจากการเปิดปีการศึกษาใหม่และจำนวนนักเรียนเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น 3) บริษัทเตรียมประกาศขยายโครงการ campus ใหม่อีก 1 สาขา ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 64F จะกลับมาเติบโตจากการคาดสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศผ่อนคลาย
แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/63F ลดลง YoY จาก COVID-19
ฝ่ายวิจัยคาดคาด SISB จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/63F ที่ 25 ล้านบาท (-59%YoY, +484%QoQ) โดยหากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะอยู่ที่ 32 ล้านบาท (-47%YoY, +9%QoQ) บริษัทมีบันทึกรายการพิเศษจากการตั้งด้อยค่าการปิดสาขาเอกมัยในไตรมาส 3/63F ประมาณ 7 ล้านบาท และมีบันทึกรายการพิเศษในไตรมาส 2/63 จากรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดจากการลงทุนตราสารหนี้ 15 ล้านบาท และการตั้งด้อยค่าปิดสาขาเอกมัย 10 ล้านบาท สำหรับกำไรที่ลดลงเทียบกับปีที่ผ่านมาเกิดจากผลกระทบ COVID-19 เราคาดรายได้รวมไตรมาส 3/63F อยู่ที่ 240 ล้านบาท (-15%YoY, +8%QoQ) ลดลงจากการปรับลดค่าเทอม 1 เทอม ในช่วงเทอม 3 (พ.ค.-ส.ค.) ทำให้ค่าเทอมเฉลี่ยอยู่ที่ 350,000บาท/ปี (-17.5%YoY) จำนวนนักเรียนไตรมาส 3/63F ประมาณ 2,600 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 2,460 คน จากจำนวนนักเรียนเด็กเล็กที่เริ่มกลับมาเรียนปกติหลังจากขอหยุดเรียนชั่วคราว
บริษัทเตรียมประกาศขยาย campus สาขาใหม่
บริษัทเตรียมประกาศขยาย campus สาขาใหม่ โดยบริษัทอยู่ระหว่างเซ็นต์สัญญาซื้อที่ดิน 15 ไร่ เพื่อขยายสาขาใหม่คาดในพื้นที่กรุงเทพ รองรับนักเรียนได้ 1,500 คน คาดจะเริ่มดำเนินงานได้หลังจากซื้อที่ดินแล้ว 2ปีสำหรับเงินลงทุนคาดประมาณ 500 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีกระแสเงินสดเพียงพอในการลงทุนครั้งนี้ เรายังคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิ ไตรมาส4/63F จะเริ่มกลับมาปกติได้เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมการศึกษาใหม่ (เทอม 1 ส.ค.-ธ.ค.) โดยบริษัทไม่มีการปรับค่าเทอมยังคงค่าเทอมเท่ากับปี62 ที่เฉลี่ย 440,000 บาท/ปี จากเฉลี่ยปี 63 อยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 400,000 บาท/ปี เรายังคงประมาณการเดิมยังไม่รวมโครงการใหม่คาดกำไรสุทธิ 63F อยู่ที่ 143 ล้านบาท (-35%YoY) และคาดปี 64F กำไรสุทธิอยู่ที่ 292 ล้านบาท (+105%YoY) จากคาด COVID-19 ในประเทศผ่อนคลาย
จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากการมองข้ามปีนี้ไปจากผลกระทบ COVID-19 ที่เกิดขึ้นชั่วคราว และคาดการณ์ผลประกอบการปีหน้าจะกลับมาเติบโตได้ 74% จากการคาดการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 จะคลี่คลาย ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 11 บาท อ้างอิงวิธี DCF ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER21F อยู่ที่ 26.4 เท่า, บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี D/E ปี63F ที่ต่ำ0.5 เท่า
www.mitihoon.com