ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า จากกรณีสหรัฐประกาศได้ตัดสิทธิพิเศษภาษี GSP กับไทยเพิ่มขึ้นอีกรอบ มีผล 30 ธ.ค.2563 เป็นผลมาจากไทยไม่ยอมเปิดตลาดเนื้อหมูและเครื่องในจากสหรัฐฯ ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง
ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ถือเป็นประเด็นที่เคยเกิดขึ้นแล้ว โดยสหรัฐมีการตัดสิทธิ GSP กับไทยดังนี้
รอบแรกตัดสิทธิ GSP 573 สินค้า อาทิ อาหารสำเร็จรูป, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เซรามิก, อาหารทะเล, ผัก ผลไม้, เมล็ดพันธุ์, น้ำเชื่อม น้ำตาล, ซอสถั่วเหลือง, น้ำผัก น้ำผลไม้, ทอง, เหล็ก ฯลฯ มูลค่าราว 1,3 พันล้านเหรียญฯ มีผล 25 เม.ย.63 (ข่าวออกว่าจะตัดสิทธิวันเสาร์ที่ 26 ต.ค.)
หากสถิติผลตอบแทนหุ้นส่งออกหลังจากมีข่าวสหรัฐตัดสิทธิ GSP พบว่าหุ้นส่วนใหญ่จะตอบรับในเชิงลบ(ดังรูปด้านล่าง)
ส่วนรอบที่ 2(ล่าสุด) ตัดสิทธิ GSP ราว 200 สินค้า อาทิ ชิ้นส่วนรถยนต์, สินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท, เครื่องครัวอะลูมิเนียม, หอยบางชนิด, มะม่วง, ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ อาหารอบแห้ง ฯลฯ มูลค่าราว 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่ถูกตัดสิทธิจะมีผล 30 ธ.ค. 63
จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น เบื้องต้น AH, STANlY ไม่ได้มีการส่งออกไปสหรัฐ SAT มีชิ้นส่วนบางประเภทที่ส่งออกไปสหรัฐ (ราว 5%) แต่ไม่ได้สิทธิ GSP อยู่แล้ว
ด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัยประเมินว่า 1.กระทบต่อ ผู้ส่งออกสินค้าที่อยู่ในรายการสินค้าดังกล่าว จะเสียภาษีเพิ่ม 4-5%(ต้นทุนเพิ่มขึ้น)
2.ผลต่อภาพรวมส่งออกของไทยไปสหรัฐคาดจำกัด เพราะไทยใช้สิทธิ GSP ส่งออกสินค้าไปสหรัฐราว 4-4.4 พันล้านบาท/ปี คิดราว 15% ของยอดส่งออกสินค้า รวม GSP และไม่ใช้สิทธิ GSP ไปสหรัฐ โดยปี 2562 ราว 2.8 หมื่นล้านเหรียญฯ (และพิสูจน์หลังจากไทยถูกตัดสิทธิรอบแรกดังกล่าว แต่ยอดส่งออกไปสหรัฐ 9M63 อยู่ที่ 2.53 หมื่นเหรียญฯ ยังขยายตัว 7.7%yoy)
www.mitihoon.com
