WGE ลั่นระฆังเทรดวันแรกคึกคัก จ่อฟาดงานใหม่2พันล้าน (03/11/63)   

187

มิติหุ้น – WGE เข้าเทรดวันแรก มั่นใจนักลงทุนตอบรับคึกคัก ชูจุดเด่น Backlog ในมือ 1.5 พันล้านบาท อนาคตเติบโตโดดเด่น ด้านแกนนำใหญ่ “เกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม” เผยครึ่งปีหลังยังเดินหน้าประมูลโปรเจ็กต์ใหม่ต่อเนื่อง ส่วนโบรกฯ ชี้หุ้น PE ยังถูกแค่ 12.9 เท่า แนะนำซื้อ เคาะเป้า 3.93บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง หรือ WGE ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างประเภทต่างๆ ทั้งงานภาครัฐและเอกชน โดย ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่กรุ๊ป หรือ CGS ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ WGE มั่นใจว่าหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากช่วงเปิดเสนอขายหุ้นมีความต้องการล้นหลาม และบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ส่วนการกำหนดราคาไอพีโอที่ 2.30 บาท/หุ้น มีส่วนลดจากราคาเหมาะสมที่โบรกฯประเมินไว้ที่ 3.30-3.93 บาท จึงถือเป็นระดับราคาขายที่จูงใจอย่างมาก

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

ครึ่งหลังมีโอกาสรับงานเพิ่ม

นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม ประธานกรรมการบริหาร WGE กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกนี้บริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้(backlog) อยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท และปัจจุบันยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งปีหลังมีงานที่จะเข้าร่วมประมูลอีกราว 4-5 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ในระยะยาว

ด้านแหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า ภายในเร็วๆ นี้ บริษัทมีโอกาสแจ้งได้งานใหญ่มูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปริมาณงานในมือ (แบ็กล็อก) มีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1.5 พันล้านบาท คาดสิ้นปีแตะระดับ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และคาดรายได้ในปี 64 มีโอกาสเติบโตในระดับ 1,800 -2,000 ล้านบาท

หุ้น
PEถูก-เคาะเป้า 3.93บ.

ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินมูลค่าเหมาะสมหุ้น WGE อยู่ที่ 3.93 บาท อิง Target PE ปี 2564 ที่ระดับ 12.9 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท และคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2564 ที่ระดับ 0.30 บาท

ทั้งนี้ คาดในปี 63-64 กำไรสุทธิเติบโตราว 27% ต่อปีผลักดันโดยสมมติฐาน ยอดขายที่เติบโตปีละ 25% ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานในมือที่มีอยู่และโอกาสในการเข้าประมูลงานใหม่ทั้งงานภาคเอกชน และงานภาครัฐ ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 7.6%, 4.2% และ 4.0% ในช่วงปี 63-65 เมื่อเทียบกับ 5.5% ในปี 62 ในปี 64-65 อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเนื่องจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับการเติบโตของรายได้

www.mitihoon.com