KIAT กำไรไตรมาส3ร้อนระอุ ลูกค้าไทย-ลาวแห่ขนส่ง

942

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เกียรติธนา ขนส่ง หรือ KIAT ผู้นำด้านการให้บริการขนส่ง โดย “นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเพื่อขยายไลน์ “ธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อการท่องเที่ยวและอื่นๆ” ทั้งในรูปแบบการซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) และร่วมทุน เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต  ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดสูงกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งพร้อมมากในการลงทุน

ซุ่มเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆ

ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 จะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะภายหลังจาก “ปลดล็อกดาวน์” ทำให้กลุ่มลูกค้าทั้งในและสปป.ลาว กลับมาใช้บริการตามปกติ รวมถึงบริษัทอยู่หว่างเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งจะรับรู้รายได้จาก ธุรกิจบริษัทย่อย อย่าง “บจ.เคที เทรน” ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ

ล่าสุดเดือน ก.ค.63 ที่ผ่านมา “บจ.เคที เทรน” ได้ลูกค้ารายใหญ่ 1 ราย คือ “บ.เกลือพิมาย” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ “บมจ.วีนิไทย หรือ VNT” เป็นการขนเกลือพิมายด้วยพ่วงตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าอนาคตการขนส่งทางรางจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้เป็นการขนส่งช่องทางหลักของประเทศ ทำให้ธุรกิจ“บจ.เคที เทรน” จะเติบโตได้ดีในอนาคต

ขณะที่ผลงานไตรมาส 4/63 จะสูงสูดแห่งปี เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ดังนั้นทั้งปี 63 มั่นใจทั้งกำไรและรายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)

ศักยภาพเหนือคู่แข็ง

ด้าน “นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกหุ้น KIAT เพราะปัจจุบันเป็นเจ้าของรถกว่า 700 คัน จับตลาดเฉพาะ(Niche Market) ทำให้มีคู่แข่งขันโดยตรงน้อยราย มีส่วนครองตลาดที่สูง และคู่แข่งรายใหม่เข้ามายาก ปัจจุบันมีสาขาให้บริการอยู่ 7 แห่ง นอกจากนี้บริษัทย่อย 2 แห่งก็มีศักยภาพทางธุรกิจคือ “เคจีพี”  เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และ “เคที เทรน” ให้บริการขนส่งทางรถไฟ ซึ่งในอนาคตก็จะได้ประโยชน์จากการมีรถไฟทางคู่ด้วย

กำไรนิวไฮพุ่ง62%-เป้า0.75บ.

โดยทั้งปี 63 คาดกำไรสุทธิทำนิวไฮที่ 178 ล้านบาท และปี 64 กำไรสุทธิทำนิวไฮต่อเนื่องที่ 204 ล้านบาท เติบโต 62%และ เติบโต 15% ตามลำดับ  โดยทั้งปี 63และ64 รายได้รวมลดลง 6% และเติบโต8% ตามลำดับ ซึ่งในปี 63 รายได้ลดลงเพราะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ทำให้ความต้องการใช้บริการขนส่งลดลง แต่ KIAT ได้ใช้กลยุทธ์เพิ่มอัตรากำไรด้วยการคัดสรรเฉพาะลูกค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงมากขึ้น และลดต้นทุน-ค่าใช้จ่ายลง ส่วนในปี 64 คาดว่าอุตสาหกรรมของลูกค้าที่จะกลับมาฟื้นตัว รวมถึงคาดว่าต้นทุนเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ

อีกทั้งการที่ KIAT มีภาระหนี้เงินกู้ที่น้อย จึงสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูง โดยปี 63 และ ปี64 คาดมีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง 7.9% และ 9.1%  ตามลำดับ ซึ่งในปี 63 คาดเงินปันผลงวดคครึ่งหลังที่ 0.03 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.8%  จากเมื่อช่งครึ่งแรกปี 63 จ่ายไปแล้วที่ 0.02 บาท ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 0.75 บาท

ด้าน “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 คาดกำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่น เพราะบริษัทจะได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักลดลงถึง 50% ประกอบการขนส่งกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเตรียมเซ็นสัญญาลูกค้ารายใหม่ๆอีกเพียบ แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 0.80 บาท

www.mitihoon.com