มิติหุ้น – PTG เร่งเครื่องปั๊มผลงานไตรมาส 3/63 โตไม่ธรรมดา กูรูเคาะกำไรพุ่งทำนิวไฮรอบ 6 ไตรมาส รับประโยชน์คลายล็อกดาวน์ การขยายสาขา และค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง ชี้ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันปาล์มพุ่งสูงรอบ 9 ปี แนะนำซื้อ ให้เป้า 22 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งน้ำมันเชื้อเพลิง โดยฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 สร้างสถิติใหม่อยู่ที่ 526 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 104% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์และการเดินทางที่เพิ่มขึ้น และจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,078 สาขา ขณะที่ค่าการตลาดที่ยังอยู่ระดับสูง โดยคาดอยู่ที่ 2 บาทต่อ และคาดส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นมาที่ 32 ล้านบาท โดยหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากปาล์มคอมเพล็กซ์ที่คาดอยู่ที่ 25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 เพียง 5 ล้านบาท ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท
กำไรQ3นิวไฮ-ได้ประโยชน์ราคาปาล์ม
ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปกติไตรมาส 3/63 ที่ 512 ลบ.เติบโต 0.5%จากไตรมาสก่อน และเติบโต 99.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 6 ไตรมาส ได้ประโยชน์จากการเลื่อนวันหยุดจากมาเป็นไตรมาส 3 และมาตรการเพิ่มวันหยุดและการกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติของภาคธุรกิจ ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 22 บาท
ขณะที่แหล่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินภาพรวมธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ ที่ PTG ถือหุ้นสัดส่วน 40% คาดได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบ 9 ปี โดยนับตั้งแต่ปี 55 สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบ มีราคาอยู่ที่ระดับ 513 เหรียญฯ ขณะที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 844 เหรียญ หรือปรับตัวขึ้นแล้วราว 300 เหรียญ และกลุ่มบริษัทยังมีแผนต่อยอดสร้างแบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้ นอกเหนือจากการขายไบโอดีเซล น้ำมันโอเลอิน และกลีเซอรีนบริสุทธิ์
ปั๊มรายได้ธุรกิจปาล์ม 5-6 พันล.
นายชัยทัศน์ วันชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด (PPPGC) บริษัทร่วมทุนกลุ่ม PTG คาดว่าผลการดำเนินธุรกิจในปี 63 จะมีรายได้อยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท จากโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ เฟสแรก ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้เต็มกำลังการผลิตเมื่อต้นปี และนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ ส่งผลให้มีความต้องการใช้ไบโอดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้น
ส่วน แผนการดำเนินงานโครงการในเฟส 2 คาดว่าจะเริ่มศึกษาภายในปี 65 ซึ่งคาดจะมีกำลังการผลิตจากเดิมเป็นเท่าตัว จาก 5 แสนลิตร/วัน เป็น 1 ล้านลิตร/วัน โดยการลงทุนในเฟส 2 คาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาท และใช้เวลาในการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 1 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนยื่นไฟลิ่ง
www.mitihoon.com
