มิติหุ้น-บมจ. โอสถสภา(OSP) โดย บล.กรุงศรี ระบุว่า คาดผลการดำเนินงาน OSP งวดกำไร 3/63 จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 887 ล้านบาท (+ 6%yoy, + 10%qog) หนุนโดย (1) Demand ในประเทศสำหรับเครื่องดื่มชู กำลังรวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล (Personal Care) ที่ฟื้นตัวและ (2) อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ด้านผลกระทบของ Covid-19 ในเมียนมาจะ ถูกชดเชยจาก Demand ในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ คง คำแนะนำ ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมาย 40 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ราคาหุ้น ล่าสุดเทียบเท่า -1.0 SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต
คาดกำไรไตรมาส 3/63 เพิ่มขึ้น 10% qoq จากไตรมาสก่อนเป็น 887 ล้านบาท
หนุนโดย (1) Demand ในประเทศสำหรับเครื่องดื่มชูกำลังที่ฟื้นตัวเป็น 7% yoy จาก-14 % yoy ในไตรมาส2/63 (2) Demand ในประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล (Personal Care) ที่ฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown (3) ภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพที่ลดลงเป็น 3% ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.63 (เทียบกับ 10% ในวันที่ 1 ต.ค. 62) และ (4) อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะ CVitt ซึ่งเราคาดว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นกว่า 100% yoy เช่นเดียวกับช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้อัตรากำไรจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 35.0% จาก 33.6% ในไตรมาส2/63
ผลกระทบโควิด -19 ในเมียนมาอาจถูกชดเชยจากการฟื้นตัวของไทย
OSP มีส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง 99% ในเมียนมาร์ กรณีที่แย่ที่สุดคือยอดขาย ลดลง 30% ซึ่งจะทำให้รายได้จากการขายรวมลดลง 2.7% อย่างไรก็ตามผลกระทบ ดังกล่าวจะถูกชดเชยด้วย (1) การฟื้นตัวของยอดขายในประเทศทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง และผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล และ (2) การเติบโตที่ดีของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่าง C-Vitt โรงงาน Thilawa ซึ่งเริ่มบรรจุขวดในเดือน กคยังสามารถเปิดทำการผลิตตามปกติ แต่ บริษัทอาจเลื่อนการเปิดโรงงานผลิตขวดแก้วในเมียนมาร์เป็นครึ่งหลังของแร64
คงคำแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมาย 40 บาท่อหุ้น
คงประมาณการกำไร 3.5 พันล้านบาทสำหรับกำไรปี 63 และคาดกำไรปี64 จะ เติบโต 116 เป็น 3.9 พันล้านบาทโดย ราคาเป้าหมายของเราอิงวธี DCF ด้วย สมมติฐาน WACC 6.196 และ Terminal growth rate 2% เทียบเท่า 64 PE ที่ 31 เท่า หรือเทียบเท่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทั้งนี้ราคาปิดล่าสุดเทียบเท่า ปี64 PE ที่ 27 เท่า หรือ -1.0SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต
www.mitihoon.com