ชญานี-ชยันต์ เตรียมยื่น “อุทธรณ์” คดีฟ้องสุนันท์

479

 

มิติหุ้น-จากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีการอ่านพิพากษาที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายสุนันท์ ศรีจันทรา คอลัมนิสต์ “ชุมชนคนหุ้น”  โดยมีนางสาวชญานี โปขันเงินและนายชยันต์ อัคราทิตย์เป็นโจทก์ร่วม ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาและ พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นนางสาวชญานี โปขันเงิน ได้แจ้งว่า คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด  โดยตนเองและนายชยันต์ อัคราทิตย์ อยู่ในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเพิ่มเติมในบางประเด็น และยืนยันว่าตนเองและนายชยันต์ ไม่เคยรู้จักหรือมีกรณีบาดหมางใดๆกับคอลัมนิสต์ดังกล่าว การฟ้องคดีเป็นกรณีที่ตนและนายชยันต์พิจารณาว่าได้รับความเสียหายจากข้อความที่เขียนอยู่ในคอลัมน์ ตลอดจนต้องการยกระดับจริยธรรมของการเป็นสื่อเป็นรายกรณี

ทั้งนี้ในส่วนความคืบหน้าของคดีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลงโทษทางการปกครองของสำนักงาน ก.ล.ต ที่ลงโทษตนเองและนายชยันต์ อัคราทิตย์ ทางสำนักงาน ก.ล.ต ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ตนเองและนายชยันต์ได้มีการร้องขอให้สำนักงาน ก.ล.ต ยุติการเผยแพร่ข้อมูลการลงโทษตนและนายชยันต์ในเว็บไซต์ของสำนักงาน เนื่องจากตนเองและนายชยันต์พิจารณาว่า การเผยแพร่ข้อมูลการกระทำผิดของบุคคลตามแนวทางของสำนักงาน ก.ล.ต ที่ดำเนินการอยู่นั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีกฏหมายใดรองรับให้สามารถดำเนินการได้  และทางสำนักงาน ก.ล.ต ก็ได้ยุติการเผยแพร่ข้อมูลการลงโทษทางการปกครองตนและนายชยันต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตลอดจนทางสำนักงาน ก.ล.ต ได้แจ้งให้ตนเองและนายชยันต์ทราบว่าทางสำนักงานอยู่ระหว่างการทบทวนทั้งในเรื่องระยะเวลาการเปิดเผยข้อมูล การดำเนินการ การสั่งการและการลงโทษตามกฏหมายของสำนักงาน ซึ่งตนเองและนายชยันต์ต้องขอขอบคุณสำนักงาน ก.ล.ตในกรณีนี้ และถือว่าเป็นก้าวย่างที่น่าชื่นชมในการยกระดับธรรมาภิบาลให้ตลาดทุนไทย ที่หน่วยงานกำกับและตรวจสอบเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของบุคคลทั่วไปมากขึ้น ตลอดจนกล้าที่จะทบทวนการดำเนินการหรือกฏเกณฑ์ต่างๆ แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น

นางสาวชญานี กล่าวว่า ตนเองเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆในวงการตลาดทุนไทย ไม่มีความสำคัญใดๆเพียงพอที่จะมีสื่อรายใดให้ความสนใจเขียนถึงอย่างสม่ำเสมอ และก็ไม่พบว่าการเขียนถึงตนเองนั้นมีส่วนช่วยในการพัฒนาตลาดทุนของประเทศได้อย่างไร  ทั้งนี้ตนเองเชื่อว่าการพัฒนาตลาดทุนของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อใช้เป็นแหล่งในการระดมทุนและลงทุนที่มีประสิทธิภาพของประชาชนนั้น หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผลและถูกตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องสามารถปรับเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ดังนั้นการที่ตนเองเป็นหนึ่งในผู้ที่คอยตรวจสอบหน่วยงานต่างๆดังกล่าว และพบว่าในหลายครั้งการตรวจสอบของตน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ตนเองจึงจะไม่ยุติการตรวจสอบดังกล่าว ทั้งนี้สื่อที่เขียนถึงตนเองในเชิงลบมาตลอดนั้น ข้อมูลที่ใช้ก็มีเพียงแค่ ตนเองได้ใช้สิทธิ์ตามกฏหมายฟ้องคดีบุคคลต่างๆที่กระทำละเมิดกับตนและมีการย้ายที่ทำงานหลายครั้ง ซึ่งตนเองพิจารณาว่าทั้งสองกรณีเป็นสิทธิส่วนตนตามกฏหมาย

www.mitihoon.com