ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”รายงานว่า บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา หรือ DHOUSE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดย “นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า (64-68) บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดโครงการใหม่ๆในจ.มหาสารคาม รวมถึงมีแผนขยายโครงการไปหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดอื่นๆที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.ขอนแก่น, จ.อุบลราชธานี, จ.นครราชสีมา และจ.อุดรธานี
บุ๊กโครงการในมือเต็มสูบ
ส่วนแนวโน้มช่วงที่เหลือของปี 63 จะเติบโตต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้รายได้งานในมือ (Backlog) ล่าสุดสิ้นไตรมาส3/63 บริษัทมียอดโอนฯจำนวน 22 ยูนิต แบ่งเป็น โครงการเดอะแกรนด์ เรสซิเดนซ์ 8 ยูนิต , โครงการเดอะแกรนด์ คาเนล 9 ยูนิต และโครงการเดอะแกรนด์ บิซ 5 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
โดยบริษัทมี Backlog มูลค่า 58 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการเดอะแกรนด์ เรสซิเดนซ์ 2 ยูนิต,โครงการเดอะแกรนด์ คาเนล 2 ยูนิต ,โครงการเดอะแกรนด์ บิซ 5 ยูนิต และโครงการพฤกภิรมย์คาดจะเริ่มโอนฯในไตรมาส 4/63 นี้
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ “เดอะแกรนด์ คาแนล” เป็นทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ มียอดขายแล้ว 46% , 2.โครงการ “แกรนด์บิซ” เป็นอาคารพาณิชย์ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 77% คาดปิดการขายได้ภายในปี 63 และ 3.โครงการ “พฤกภิรมย์” เป็นอาคารพาณิชย์, บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 31% จะทยอยขายและโอนฯอย่างต่อเนื่อง
ปี64ผุด2โครงการใหม่ทำเงิน
สำหรับภาพธุรกิจในปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 63 คาดรายได้มีโอกาสเติบโตเกินเป้าที่ 10% หรือที่ 154.79 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีรายได้อยู่ที่ 141.82 ล้านบาท (กำไรสุทธิ 40.71 ล.) โดยในปี 64อัตรากำไรสุทธิมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะที่ 22-28% เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายล็อตใหญ่ และมีความได้เปรียบเรื่องต้นทุนที่ดินต่ำกว่าคู่แข่ง โดยเมื่อเทียบกับปี 63 คาดอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 22% เพราะมีค่าใช้จ่ายการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนปี 62 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 28.71%
โดยในปี 64 บริษัทมีแผนเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 734.67 ล้านบาท อาทิ 1.โครงการ “U Park” เป็นบ้านแฝด จำนวน 249 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 607.07 ล้านบาท บนพื้นที่ 40 ไร่ ทำเลใกล้ม.มหาสารคาม ราคาขาย 1.8-3 ล้านบาทต่อยูนิต คาดเปิดขายในช่วงไตรมาส 1/64 และโอนไตรมาส 4/64 และ 2.โครงการ “แกรนด์บิซ 2” เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 127.60 ล้านบาท บนพื้นที่ 3 ไร่ ราคาขาย 3.5 ล้านบาทต่อยูนิต คาดเปิดขายไตรมาส 2/64 และโอนไตรมาส 2/65
ผุดโมเดลเพิ่ม Recurring Income
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโมเดลธุรกิจเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income)ได้แก่การปล่อยเช่า รวมถึงการพัฒนาโครงการรูปแบบใหม่ประเภทคอนโดมิเนียม Low Rise (สูงไม่เกิน 8 ชั้น) และรูปแบบ Mixed-use เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น ซึ่งจะมีการประชุมบอร์ดเพื่อขออนุมัติลงทุนในต้นปี 64
“เศรษฐกิจโดยรวมของจ.มหาสารคามมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการเป็นเมืองแห่งการศึกษาที่มีนักศึกษาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทำให้เกิดการค้าขาย การลงทุนในภาคธุรกิจ ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านอสังหาฯขึ้นตามไปด้วย และเนื่องจากมหาสารคามเป็นจังหวัดที่ไม่ได้พึ่งพิงการท่องเที่ยว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังมีกำลังซื้อ” นายพงศ์พจน์ กล่าว
www.mitihoon.com