การเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุนในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งนอกจากผลการเลือกตั้งปธน.แล้ว นักลงทุนจะต้องติดตามการเลือกตั้งสภาฯ ส.ส.-ส.ว. ด้วย ซึ่งจะเป็นตัวแปรกำหนดทิศทางการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังของสหรัฐฯหลังจากนี้ นอกจากนี้ปัจจัยที่นักลงทุนจะต้องจับตาต่อคือการระบาดของ Covid-19 ที่เริ่มมีการปิดเมือง แต่อย่างไรก็ตาม KSS มองว่าจะเห็นความคืบหน้าด้านการพัฒนาวัคซีนชัดขึ้นภายใน 4Q20 นี้ ดังนั้นในเดือน พ.ย. ทาง KSS ยังคงคำแนะนำ OW การลงทุนในหุ้น และกองทุนอสังหาฯ ต่อ คาดภาวะการลงทุนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นแบบ risk-on ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาประจำเดือน
- เลือกตั้งสหรัฐฯ ผลการเลือกตั้ง ปธน., สภาฯ ส.ส. และส.ว. ของสหรัฐฯ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางนโยบาย และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกในระยะสั้น
- การเมืองไทย แม้ปัจจุบันจะมีความกังวลต่อทางออกทางการเมืองมาก ผนวกกับมีทิศทางแรงเทขายจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม KSS คาดจะเริ่มเห็นทางออกปัญหาการเมืองในประเทศไทยชัดเจนมากขึ้นภายในเดือน พ.ย. นี้ ดังนั้นคาดว่า SET index ที่ระดับปัจจุบันเป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ
- การระบาด Covid-19 ระลอกสอง เริ่มเห็นสัญญาณปริมาณผู้ติดเชื้อรายใหม่ปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ในหลายประเทศ (สหรัฐฯ และยุโรป) แต่อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่าความคืบหน้าด้านการพัฒนาวัคซีนจะเริ่มเข้าภายในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกให้กับนักลงทุนที่กำลังกังวลกับการระบาดในระลอกที่สองได้เป็นอย่างดี
ตราสารทุน: เริ่มชอบหุ้นไทย คาดจะกลับมาเป็นประเทศที่ outperform แล้ว
KSS Wealth Wizard ยังคงมองว่าการลงทุนในหุ้นดูน่าสนใจอยู่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าจะเห็นการพัฒนาของวัคซีน Covid-19 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี 2020 นี้ และจะกลับมาผลักดันให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาปรับตัวขึ้นได้ นอกจากนี้ทีมงานยังคาดว่าความน่าสนใจในตลาดหุ้นไทย ปรับเพิ่มขึ้น จาก 1) ราคาหุ้นไทยที่รับรู้ปัจจัยด้านการเมืองไปมากแล้ว; และ 2) ความล้าหลังของหุ้นไทย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่น โดยเมื่อผนวกเรื่องนี้ เข้ากับ theme การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้เราปรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้นไทยสู่ OW1 ในขณะที่คงคำแนะนำ OW ในตลาดหุ้นจีน (OW2) และตลาดหุ้นสหรัฐฯต่อ (OW1)
หุ้นไทย: เริ่มซื้อหุ้นไทย หลังกำไรแย่ที่สุดในโลก
- แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย เป็นปัจจัยหลักส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจในการกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิแล้วเกือบ 8 หมื่นลบ.
- ตั้งแต่ 3Q20 เป็นต้นมา ปัญหาการเมือง ภายในประเทศยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันทิศทางการลงทุนในหุ้นไทยตั้งแต่ ก.ค. เป็นต้นมา ล่าสุดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนล้าหลังตลาดหุ้นอื่นๆแล้วกว่า 20% (เมื่อเทียบกับ MSCI AxJ) แต่อย่างไรก็ตามเราเริ่มมองแล้วว่าหุ้นไทยมีความน่าสนใจ
- โดยหุ้นไทยเริ่มเห็นความน่าสนใจแล้วจาก 1) ความ laggard ทางราคาหุ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น (-20% vs MSCI AxJ); 2) ราคาหุ้นรับรู้ข่าวร้ายด้านการเมืองไปมากแล้ว; 3) มูลค่า PER ดูน่าสนใจขึ้น เมื่อเทียบกับการขยายตัวกำไรปี 2021F
ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นไทยขึ้นสู่ OW1 (จาก MW) หลังจากเราเริ่มเห็นความน่าสนใจในตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น
Disclaimer: เอกสาร/รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นบนพื้นฐานข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม บมจ.หลักทรัพย์กรุงศรี มิอาจรับรองความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิดของผู้จัดทำเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการต่างๆที่ปรากฏในเอกสาร/รายงานฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าดังนั้นนักลงทุนโปรดใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบในการพิจารณาการลงทุน
โดยกรุงศรีทอล์ก
www.mitihoon.com