มิติหุ้น-JMT แย้มผลงานไตรมาส 4/63 โตโดดเด่น ลุยเก็บหนี้เต็มสูบ แถมตั้งเป้าอัดฉีดงบลงทุนเป็น 5-6 พันล้านบาท หวังซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร หลังแบงก์ชาติชี้ชัดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบพุ่งถึง1.52 แสนล้านบาท ฟากกูรูอัพกำไรทั้งปี 63-64 เป็น 996 ล้านบาท เติบโต 46% และกำไร 1,251 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 40 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศ โดย “นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 4/63 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะนอกจากบริษัทจะมียอดจัดเก็บเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทจะเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอีกด้วย
ทุ่มงบ6พันล.ซื้อหนี้ก้อนโต
เนื่องจากที่ผ่านมา ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าหนี้ด้อยคุณภาพในส่วนของหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคของผู้บริโภค ปรับตัวสูงไปอยู่ที่ระดับ 152,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามสภาวะหนี้สินครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นบริษัทมีโอกาสร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงิน และช่วยอุตสาหกรรมการเงินของประเทศในการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อคืนลูกค้าที่มีศักยภาพทางด้านการเงินโดยในปี 63 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มงบลงทุนใช้ซื้อหนี้เป็น 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่ง JMT มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง
ล่าสุดช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีการซื้อหนี้รวม 2,524 ล้านบาท และมีมูลค่าพอรต์หนี้ด้อยคุณภาพรวมสิ้นไตรมาส 3/63 เท่ากับ 195,545 ล้านบาท เป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านพอรต์หนี้ด้อยคุณภาพของประเทศในด้านหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน
กำไรแรงทะลุเป้า
ด้าน “นายธนภัทร ฉัตรเสถียร” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุน JMT เพราะไตรมาส 3/63 กำไรทำ New High สูงกว่าคาด โดยประกาศกำไรสุทธิที่ 283 ล้านบาท เติบโต 25% จากไตรมาสก่อน และ 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จาก NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามมูลหนี้ของ NPL ที่ซื้อมาในช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งในไตรมาส 2/63 ยังมีหนี้บางกองที่ตัดต้นทุนหมดก่อนกำหนด ทำให้ในไตรมาส 3/63 เริ่มรับรู้รายได้ 100%
นอกจากนี้ด้วยการเปิดเมืองและสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ยอดจัดเก็บปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน และ 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ (ECL) อยู่ที่ 39 ล้านบาท ลดลงจาก 60 ล้านบาทในไตรมาสก่อน เนื่องจากไตรมาสก่อนมีการตั้งสำรองสำหรับหนี้ที่ซื้อเข้ามาในช่วงปลายปี
อัพกำไรโต46%-เป้า40บ.
ดังนั้นฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 63-64 ขึ้น 6% และ 5% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 996 ล้านบาท เติบโต 46% จากปีก่อน และ 1,251 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน ตามลำดับ โดยฝ่ายวิจัยปรับประมาณการ เนื่องจากแนวโน้มยอดจัดเก็บในงวดไตรมาส 3/63 ที่ 985 ล้านบาท ดีขึ้นจากครึ่งปีแรกมาก เป็นผลจากฐานมูลหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการซื้อหนี้ในช่วงต้นปี และคาดว่าในช่วงปลายปีจะมีโอกาสในการซื้อหนี้ที่เพิ่มขึ้นอีก ทำให้คาดว่ากระแสเงินสดและกำไรในไตรมาส 4/63 จะเติบโตต่อเนื่อง และมีโอกาสที่ในปี 64 ยอดจัดเก็บจะทะลุ 1 พันล้านบาทต่อไตรมาสได้ ดังนั้นให้ราคาเป้าหมายใหม่ 40 บาท แนะนำ “ซื้อ”
www.mitihoon.com