SAWAD แกร่ง Q3/63 กำไรสุทธิ1.2พันลบ. ชูนโยบายปล่อยกู้ระมัดระวัง-ดูแลลูกค้าใกล้ชิด-คุมเข้มเอ็นพีแอล

158

มิติหุ้น – SAWAD  โชว์แกร่งไตรมาส3/2563 กำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยเฉียด 2 พันล้าน หลังพอร์ตลูกหนี้เติบโตแตะระดับ 4 หมื่นล้าน ขณะที่ค่านายหน้าประกันหนุนรายได้อื่นๆ โต 16% ชูนโยบายปล่อยกู้ระมัดระวัง-ดูแลลูกค้าใกล้ชิด-คุมเข้มเอ็นพีแอล

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,283.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.66 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 27.49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 1,006.53 ล้านบาท

สำหรับรายได้รวมของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2563 ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้ดอกเบี้ย 1,957.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย 1,909.93 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้จาก 36,644.27 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2562 เป็น 40,771.34 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส3/2563 คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 11.26% ทั้งนี้การเติบโตของพอร์ตลูกหนี้มาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของกลุ่มบริษัท โดยล่าสุดอยู่ที่จำนวน 4,660 สาขา
ขณะที่มีรายได้อื่น 733.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.57 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 16.08 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้อื่น 631.67 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าประกัน

“การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อมาจากการขยายสาขาต่อเนื่อง ตามนโยบายของกลุ่มศรีสวัสดิ์จากสิ้นปี 2562 มีจำนวน 4,080 สาขา เพิ่มเป็น 4,660 สาขา ในปัจจุบัน และปีหน้าคาดว่าจะมีการขยายสาขาครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจำนวน 5,000 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้สินเชื่อ” นางสาวดวงใจ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 ยังมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มศรีสวัสดิ์ จะเน้นการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการควบคลุมตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากงวดไตรมาส3/2563 บริษัทมีเอ็นพีแอล 4.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีเอ็นพีแอล 4.31% อย่างไรก็ตามในส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญนั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการตั้งสำรองในอัตราที่เกินมาตรฐานกำหนดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้มีปัญหาเรื่องดังกล่าว

นางสาวดวงใจยังได้กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจว่า ในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ผ่อนคลายลงค่อนข้างมาก หลังจากที่มีกระแสข่าวระบุว่าจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทางกลุ่มศรีสวัสดิ์ก็เตรียมความพร้อมในการรุกธุรกิจอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

“ที่ผ่านมา แม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แต่กลุ่มศรีสวัสดิ์ได้รับผลกระทบน้อยมาก เพราะมีฐานลูกค้ากระจายไปทั่วประเทศ และกลุ่มลูกค้ายังมีความจำเป็นในการใช้สินเชื่อสูง และตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเราก็มีความพร้อมเต็มที่ ทั้งด้านเงินทุน ด้านสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ” นางสาวดวงใจ กล่าว

www.mitihoon.com