TCMC สุดเซอร์ไพร์สQ3พลิกกำไร83.25ล. –ชี้ออเดอร์ยาวข้ามปี

560

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TCMC ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์ แจ้งไตรมาส 3/63 พลิกทำกำไรสุทธิ 107.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 999.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 83.25 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 9.75 ล้านบาท

สนับสนุนให้งวด 9 เดือนแรกขาดทุนส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่เหลือ 2.07 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 69.39 ล้านบาท เนื่องจาก “กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์” มีรายได้ 1,285.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 17.10% เพราะภายหลังการคลายมาตรการ Lock down ในประเทศอังกฤษในช่วงต้นเดือนมิ.ย.ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งบ้านสูงขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากและจะทยอยส่งมอบให้ลูกค้าได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/63 ถึงช่วงไตรมาส1/64  ทั้งนี้ TCMC มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 31.28 ล้านบาทด้วย

ชี้ผลงานQ4โตไม่หยุด

ด้าน “ม.ล.วัลลีวรรณ วรวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้ให้สัมภาษณ์กับ “นสพ.มิติหุ้น”ว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/63 จะเติบโตมากขึ้น เพราะทุกธุรกิจเริ่มกลับมาเติบโต หลัง Covid-19 คลี่คลาย และบริษัทจะบริหารจัดการเพื่อให้ทุกธุรกิจมีกำไรจากการดำเนินงาน

โดย “ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์” คิดเป็นสัดส่วน 43.19% ของรายได้รวม ที่ดำเนินงานโดย “DM Midlands Holdind Limited หรือ DMM และ Alstons Furniture Group Limited (Alstons)” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะรายใหญ่ในประเทศอังกฤษนั้น ล่าสุดมียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ยาวถึงปลายปี 63 ผลักดันให้กำลังผลิตเต็ม 100%  เนื่องจากความต้องการที่ค้างในช่วงที่ธุรกิจหยุดชะงัก และอีกส่วนหนึ่งมาจากการแย่งลูกค้ามาจากคู่แข่ง ซึ่งทางบริษัทได้เปรียบในเรื่องดีไซน์และความสัมพันธ์กับบริษัทผู้ค้าปลีก

ลุยชิงมาร์จิ้นแชร์เพิ่ม

พร้อมกันนี้กรณีที่มีโรงงานผลิตในประเทศอังกฤษหลายแห่งที่ปิดกิจการไป เนื่องจากไม่มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งพอ ทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์ในด้านส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์) และซื้อเครื่องจักรบริษัทที่ปิดกิจการ ทำให้บริษัทมีกำลังผลิตเพื่อรองรับออเดอร์ที่กำลังเข้ามาได้มากขึ้น

สำหรับ “ธุรกิจพรม” คาดว่าเมื่อปัญหา COVID-19 คลี่คลาย จะทำให้ความต้องการซื้อที่ค้างกลับมาเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อโรงแรมทั้งในและต่างประเทศกลับมาดำเนินกิจการ ก็ต้องเปลี่ยนพรมเพื่อรีโนเวท โดยบริษัทมีความพร้อมอย่างมากที่จะสนองความต้องการของตลาด         ส่วน “ธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์” ในช่วงครึ่งหลังปี 63 ปริมาณออเดอร์ก็เริ่มเข้ามามากขึ้น ขณะที่ “ธุรกิจวัสดุปูพื้น” คาดว่าจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน

www.mitihoon.com