มิติหุ้น-บมจ.ช.การช่าง (CK) โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า CK ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 มีกำไรที่สูงเด่น 774 ล้านบาท (+1,115%QoQ, +277%YoY) มากกว่าที่เราคาดจะมีกำไร 600 ล้านบาท และ Consensus คาด 365 ล้านบาท แรงหนุนจากบริษัทลูก คือ ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP+BEM ที่สูงถึง 546 ล้านบาท (+1,108%QoQ, +93%YoY) เงินปันผลจาก TTW 232 ล้านบาท และ กำไรจากขายเงินลงทุนในบริษัทลูกอีก 275 ล้านบาท ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไม่ดี เนื่องจาก Backlog ต่ำ คือ ยอดรับรู้รายได้ลดลงเหลือ 3,798 ล้านบาท (-4%QoQ, -21%YoY) และ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำเท่ากับ 7.7% เทียบกับ 9.0% ในไตรมาสก่อน และ 8.9% ในปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการ
Backlog ปัจจุบันเหลือต่ำเพียงประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท คาดผลประกอบการใน 4Q63 จะลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีเงินปันผลจาก TTW 232 ล้านบาท และ กำไรจากการขายเงินลงทุน 275 ล้านบาท รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก CKP จะลดลงเนื่องจากเข้าสู่ช่วงหน้าแล้งทำให้ไซยะบุรีขายไฟได้น้อยลง แต่คาดจะมีกำไรใกล้เคียง 4Q62 คือ ประมาณ 200 ล้านบาท เราปรับประมาณการกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 789 ล้านบาท เป็น 917 ล้านบาท แต่ยังลดลงจากปีก่อน 48%YoY แนวโน้มปี 2564 คาด Backlog ของ CK จะเข้าสู่ช่วง New S-Curve จากคาดหวังจะได้โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสี้ส้มตะวันตก 1.27 แสนล้านบาท สายสีม่วงใต้ 1 แสนล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง 1.35 แสนล้านบาท และ รถไฟทางคู่ เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และ บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม 1.28 แสนล้านบาท
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้น CK ปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่ถูก คือ P/BV 1.1 เท่า ต่ำกว่า Forward P/BV-2SD ระยะ 10 ปี ที่ 1.13X ในขณะที่ CK มีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW มีมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 35 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติมโตในระยะยาว และ ช่วยเพิ่มงานให้ CK รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผล ประเมินเป้าหมาย โดยวิธี Sum of the Part เท่ากับ 24 บาท แนะนำ TRADING BUY
ความเสี่ยง
อุปสรรคในการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า
www.mitihoon.com