SFLEX ขายบิ๊กล็อตเพิ่มสภาพคล่อง ชี้กำไรQ4นิวไฮ-เป้า7.75บ. (18/11/63)

240

มิติหุ้น-SFLEX ขายบิ๊กล็อต หวังเพิ่มสภาพคล่อง “บิ๊กบอส” ย้ำพื้นฐานแกร่ง จับตาไตรมาส 4/63 ผลงานนิวไฮ หลังไฮซีซันหนุน โชว์กลยุทธ์เลือกสินค้า Medical มาร์จิ้นสูงทำเงิน จ่อปิดดีล M&A ทั้งปี63 ฟันกำไรสุทธิ147 ล้านบาท พุ่งทะยาน 87.3% แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 7.75 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ หรือ SFLEX โดย “ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึง การที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในวันที่ 16 พ.ย. 63 กว่า 10%นั้น อาจเป็นไปได้ว่าเป็นผลกระทบเชิงจิตวิทยาของนักลงทุน จากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นจำนวน 78 ล้านหุ้น ราคา 4.80 บาท ให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่

ขายหุ้นเพิ่มสภาพคล่อง

โดยวัตถุประสงค์การทำรายการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายและเพื่อให้เกิดการกระจายหุ้นในนักลงทุนหลากหลายประเภท โดยการทำรายการนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในระยะสั้น ในระยะยาวนั้น ราคาหุ้นน่าจะกลับมาซื้อขายที่ผลการดำเนินงาน และปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ ซึ่งทิศทางการดำเนินงานและผลประกอบการยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/63 คาดยอดขายจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจเป็นไปตามความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ในช่วงปลายปี นอกจากนี้จากการเดินหน้าทำตลาดลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น ส่งผลให้คำสั่งซื้อขยับสูงขึ้นด้วยไฮ

พร้อมกันนี้บริษัทจะเดินหน้าใช้กลยุทธ์การผลิตบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมและคิดค้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ร่วมกับลูกค้า และการขยายเข้าสู่ตลาด Medical (บรรจุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์) ซึ่งให้มาร์จิ้นสูง ดังนั้นทั้งปี 63 มั่นใจผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทจะเร่งเจรจาเพื่อปิดดีล M&A ภายในไตรมาส 4/63 นี้ด้วย

ไฮซีซั่นหนุนQ4พีค

ด้าน “นางสาวเกษ ตวงทอง” นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4/63 คาดกำไรทำนิวไฮที่ 45 ล้านบาท เพราะเข้าสู่ช่วง High Season ของความต้องการการใช้งานบรรจุภัณพ์ในช่วงปลายปี โดยยังเน้นการเติบโตจากลูกค้ารายใหม่ โดยปัจจุบันมีลูกค้า 55 ราย เพิ่มขึ้นจาก 37 รายในปี 62 ซึ่งเป็นลูกค้าที่อยู่ในกลุ่ม Top Brand เช่น กลุ่ม CP กูลิโกะ มิตรผล Thai Union และ NIPRO เป็นต้น

ประกอบกับกลยุทธ์การเลือกผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเป็นหลัก อย่างกลุ่ม Medical (NIPRO) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการใช้สูงโดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/63 เต็มไตรมาส ดังนั้นทั้งปี 63 คาดกำไรสุทธิที่ 147 ล้านบาท เติบโต 87.3% และรายได้อยู่ที่ 1,432 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อนแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.50-7.75 บาท

www.mitihoon.com