ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y10 (KTGF1Y10) ตั้งแต่วันนี้ – 24 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นอีก 1 กองทุนใน ซีรีส์ของกองทุนตราสารหนี้ อายุโครงการประมาณ 1 ปี ที่เปิดระดมทุนมาแล้วนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
โดย บลจ. กรุงไทย ยังคงเชื่อว่าอาจมีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวชันขึ้นจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และผลสืบเนื่องจากการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และย้ำว่าเป็นจังหวะเหมาะที่นักลงทุนจะถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นประมาณ 1 ปี อย่างกองทุน KTGF1Y10 ที่นอกจากจะเน้นการได้รับผลตอบแทนในจำนวนเงินที่แน่นอน หรือรักษาเงินต้นให้อยู่ครบแล้ว ยังเป็นทางเลือกในการช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโออีกด้วย
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y10 เป็นกองทุนตราสารหนี้ โดยจะลงทุนในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้ รวมกันทุกขณะไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมี นโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก และ/หรือตราสารการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับ ที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) และ/หรือลงทุนในหน่วย CIS ของกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินประเภท ตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารต่ำกว่า ที่ สามารถลงทุนได้ (non – investment grade) และ/หรือตราสารแห่งหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ/หรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้ลงทุนได้ ไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ ได้แก่ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก. ล.ต. และ/หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด และอาจลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) รวมถึงอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน (F X Derivatives) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. และ/หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด โดยขึ้นอยู่กับ ดุ ลยพินิจของผู้จัดการกองทุนตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ
โดยหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ที่คาดว่าจะมีการลงทุนเกินกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนของกองทุน KTGF1Y10 คือ Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2021 – V (Class C USD Acc) ที่บริหารโดย Invesco บลจ.ระดับโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในเน้นสร้างรายได้ผ่านช่วงเวลาการลงทุนที่กำหนด และคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน (ทั้งนี้ กองทุนไม่ได้รับประกันเงินต้น) รวมถึงมุ่งหมายที่จะบรรลุจุดประสงค์การลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ buy-and-maintain ใน ตราสารหนี้สกุลเงิน USD ผ่านการพิจารณาความเสี่ยงเชิงรุก ในระยะเวลาการลงทุน 1 ปีนับจากช่วง Initial Offer Period ไป จนถึงช่วงครบอายุกองทุน ซึ่งมี นโยบายลงทุน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในตราสารหนี้ ในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในสกุลเงิน USD ที่ออกโดยผู้ออกตราสารที่ถูกพิจารณาคัดเลือกโดยดุลยพินิจของผู้จัดการ (เช่น รัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศที่มีลักษณะเหนือรัฐ (Supranational Entities) กลุ่มบริษัท สถาบันการเงิน และกลุ่มธนาคาร) ซึ่งอาจรวมถึงผู้ออกตราสารที่อยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในกองทุนนี้ หมายถึง ประเทศทุกประเทศในทวีปเอเชีย ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น แต่รวมถึง ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ผู้ลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktam.co.th หรือขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. กรุงไทย
(ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงประมาณ 1 ปีได้ และกองทุนนี้อาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก)