ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง และขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยธุรกิจอาหารสำเร็จรูปและอาหารว่าง โดยเน้นอาหารทะเล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ธุรกิจการตลาดภายในประเทศ ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจพัฒนาสายพันธุ์กุ้งเพื่อจำหน่าย โดย นายธีรพงศ์ จันศิริประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้างบลงทุนปี 64 ประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนปกติ 4,200-4,500 ล้านบาท และอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสำเร็จรูป
นอกจากนี้ยังสนใจลงทุนธุรกิจใหม่อาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับ โปรตีนไฮโดรไลเสต , คอลลาเจนราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่เพียงเท่านี้ ในส่วนของธุรกิจสตาร์ทอัพปีหน้าบริษัทก็มีแผนลงทุนเพิ่มในรูปแบบ JV อีก 2-3 แห่งซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามงบลงทุนที่ตั้งไว้ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ปี62) ซึ่งลงทุนไปแล้วราว 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐจำนวน 4-5 บริษัท
“บริษัทเน้นลงทุนธุรกิจใหม่ๆที่มีมาร์จิ้นกว่า 20 % ซึ่งมากกว่าธุรกิจหลักของบริษัทที่มีมาร์จิ้นราว 16-17 % ตามแผนเราที่ต่อไปนี้จะไม่ได้เน้นวอลุ่มเติบโต ดังนั้นในด้านรายได้จากนี้ไปของ TU จะเติบโตราวเฉลี่ย 5 % ต่อปี”นายธีรพงศ์กล่าว
นายธุรกิจพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากยอดขายเติบโตราว 5 % จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.29 แสนล้านบาท งวด 9 เดือนปีนี้มรายได้อยู่ที่กว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว ส่วนมาร์จิ้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 16-17 % และคาดว่าปีหน้ามาร์จิ้นจะเติบโตมากกว่า 17 %
นอกจากนี้บริษัทยังเล็งนำบริษัทลูก “บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM)” ดำเนินธุรกิจประกอบผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในกลางปี 64 ซึ่งเลื่อนจากแผนเดิมที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ ล่าสุด TFM ได้ JV กับบริษัทในอินโดนีเซียซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานในอินโดนีเซียคาดว่าจะแล้วเสร็จ 64
www.mitihoon.com