มิติหุ้น-วายแอลจีแนะซื้อทองช่วงนี้มีโอกาสทำกำไรระยะยาว 2 เด้ง ทั้งจากราคาที่ลดลงช่วยให้เข้าถึงง่าย และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่ากดราคาในประเทศให้น่าเข้าซื้อมากขึ้น คอนเฟิร์มเทรนด์ปีหน้ายังเป็นขาขึ้นแม้จะมีข่าวดีวัคซีน COVID-19 แต่เชื่อทำให้ทองลดลงแค่ระยะสั้น คาดจากนี้ถึงสิ้นปีแม้ราคามีโอกาสปรับลดลงแต่เป็นโอกาสในการสะสม เหตุระยะยาวปัจจัยหนุนยังอยู่ครบ โดยเฉพาะเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ มองแนวรับสำคัญที่ 1,847 แนวต้านระยะสั้นที่ 1,900 พร้อมเผยพฤติกรรมผู้บริโภคหันไปลงทุนผ่าน โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส มากขึ้น เหตุใช้เงินลงทุนต่ำไม่ถึง 20%ของมูลค่าสัญญา และไร้ความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงิน
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า แม้ราคาทองคำในช่วงนี้จะแกว่งตัวในทิศทางลดลงจากข่าวความคืบหน้าของวัคซีนต้าน COVID – 19 ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำปรับลดลง อย่างไรก็ดีมองว่าการปรับลดลงของราคาทองคำในช่วงนี้จะเป็นการปรับลดลงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวทิศทางทองคำจะยังไปได้ต่อ เนื่องจากแม้จะมีข่าวดีเรื่องความคืบหน้าการทดลองวัคซีน แต่การผลิตเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์นั้นต้องใช้เวลา อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำเป็นขาขึ้น ทั้งการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่จะส่งอานิสงส์ต่อการลงทุนทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะอยู่ในระดับต่ำไปอีก 1-2 ปี ล้วนส่งผลให้มีเงินลงทุนไหลเข้าตลาดทองคำทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดีการปรับลดลงของราคาทองคำในช่วงนี้มองว่าเป็นการปรับลดลงไม่มากเมื่อเทียบกับทั้งปีที่ราคาทองคำปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 30% ดังนั้นมองว่าจังหวะที่ราคาทองคำปรับลดลงครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อสะสม เนื่องจากระยะยาวราคาทองก็จะยังเป็นขาขึ้น แม้ว่าจะไม่เป็นการปรับขึ้นสูงถึง 30% เช่นปีนี้เพราะปีนี้เป็นปีที่กองทุนทองคำทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเป็นจำนวนมากจึงทำให้ราคาปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในช่วงนี้จะได้รับประโยชน์ 2 ต่อ ทั้งจากราคาที่ปรับลดลงมารับข่าววัคซีน รวมถึงช่วงนี้สถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ทำให้กดราคาทองคำในประเทศให้ถูกลง นอกจากนี้ยังมองว่าภายในปีนี้แม้จะมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับลดลงไปได้อีก แต่ก็ไม่น่าจะลดลงมากแล้ว นักลงทุนจึงสามารถแบ่งการลงทุนเป็นแบบทะยอยซื้อเข้าพอร์ต แต่สัดส่วนพอร์ตการลงทุนควรมีทองคำอยู่ที่ 5-10%
สำหรับทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงนี้มองแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,849-1,847 ดอลลารต่อออนซ์ หากไม่หลุดแนวรับดังกล่าวจะเป็นสัญญาณการฟื้นตัว ส่วนแนวต้านระยะสั้นแนวแรกอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้พบว่าพฤติกรรมการซื้อของในปัจจุบันของคนไทยเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เนื่องจากเริ่มมีนักลงทุนหันมาลงทุนในรูปแบบของการเก็งกำไรในตลาด TFEX มากขึ้นทั้งแบบโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส(Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนในปัจจุบันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้นและมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงเป็นการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนต่ำเพียงไม่ถึง 20% ของมูลค่าสัญญา อีกทั้งการลงทุนใน Gold Online Futures ให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงิน อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยงนักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Online Futures และ Gold Futures ) เพื่อเป็นอีกทางเลือกการลงทุน สามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.ylgfutures.co.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02–687–9999
www.mitihoon.com