CPALL ลั่นวัคซีนโควิด-มาตรการรัฐ ดันยอดใช้บริการพีค-เป้า83บ. (24/11/63)

643

มิติหุ้น-CPALL เด้งรับข่าวดีการผลิตวัคซีน Covid-19 และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ หนุนจำนวนการเข้าใช้บริการ7-Eleven พุ่งพรวด แย้มรับทรัพย์ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ 7-Eleven ในกัมพูชาและลาว ชี้ปี 64 ปั๊มกำไรเข้าพอร์ต 2.17 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.71% ชี้เป้า 83 บาท  “บิ๊กบอส” สั่งลุยขยายสาขาหวังครบ 13,000 สาขา ภายในปี 64 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า  บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดย “นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน CPALL เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าแผนการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยในปี 63 จะเปิดสาขาให้ได้ตามเป้า 700 สาขา อย่างไรก็ดีการขยายสาขา บริษัทจะพิจารณาอย่างใกล้ชิดว่าสาขาที่เปิดใหม่ต้องมีกำไรและมีผลประกอบการที่ดี

ลุยขยายสาขา13,000สาขา

โดยการขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่องนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64  เมื่อเทียบกับปี 62 ได้ขยายสาขาร้าน 7-Eleven รวม 724 สาขา ผลักดันให้สิ้นปี 62 มีสาขารวมทั้งสิ้น 11,712 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯและปริมณฑล 5,107 สาขา (คิดเป็น44%) ,ต่างจังหวัด 6,605 สาขา (คิดเป็น56%) ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร้าน 7-Eleven เฉลี่ยประมาณวันละ 12 ล้านคน

ส่วนความคืบหน้าซื้อหุ้นเทสโก้ โลตัส(Tesco Lotus) หากได้รับการอนุมัติ บริษัทจะดำเนินการศึกษาถึงแหล่งเงินต่อไป แต่ช่องทางการออกหุ้นกู้จะเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถกระทำได้

ขานรับวัคซีนของ Pfizer

“บล.คิงส์ฟอร์ด” เปิดเผยว่า คงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อ CPALL โดยปัจจัยบวกระยะยาวจากการได้รับสิทธิแฟรนไชส์เปิดร้าน  7-11 ในกัมพูชาและลาว เช่นเดียวกับการลงทุนใน เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd.  (พึ่งได้รับอนุญาตจาก กขค. เมื่อต้นเดือนพ.ย. เป็นการอนุญาตแบบมีเงื่อนไข)

ขณะที่ระยะสั้นได้ปัจจัยบวกอ่อนๆ จากข่าวความคืบหน้าการผลิตวัคซีนของ Pfizer (นักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น-มีจำนวนการเข้าใช้บริการ7-11ต่อร้านต่อวันสูงขึ้น) รับผลบวกทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค/ช่วยเหลือของภาครัฐ  ปัจจุบัน ประมาณการกำไรสุทธิปี63 ที่ 18,996 ล้านบาท ( ลดลง 14.98% จากปีก่อน)  ก่อนจะกลับมาขยายตัวที่ 21,789 ล้านบาท เติบโต 14.71% จากปีก่อน ในปี64 ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย  82.25 บาท

เคาะราคา 83บาท

“บล.เมย์ แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า แม้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการสะท้อน การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวช้ากว่าคาด แต่แนวโน้มกำไรเป็นทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป เนื่องจาก SSSG ติดลบน้อยลงและอัตรากำไรฟื้นตัว รวมทั้งอาจได้อานิสงส์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค อีกทั้งการขยายสาขายังเป็นไปตามเป้าหมาย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 83 บาท

www.mitihoon.com