มิติหุ้น-CPALL เด้งรับข่าวดีการผลิตวัคซีน Covid-19 และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ หนุนจำนวนการเข้าใช้บริการ7-Eleven พุ่งพรวด แย้มรับทรัพย์ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ 7-Eleven ในกัมพูชาและลาว ชี้ปี 64 ปั๊มกำไรเข้าพอร์ต 2.17 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.71% ชี้เป้า 83 บาท “บิ๊กบอส” สั่งลุยขยายสาขาหวังครบ 13,000 สาขา ภายในปี 64
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดย “นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน CPALL เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าแผนการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยในปี 63 จะเปิดสาขาให้ได้ตามเป้า 700 สาขา อย่างไรก็ดีการขยายสาขา บริษัทจะพิจารณาอย่างใกล้ชิดว่าสาขาที่เปิดใหม่ต้องมีกำไรและมีผลประกอบการที่ดี
ลุยขยายสาขา13,000สาขา
โดยการขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่องนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 เมื่อเทียบกับปี 62 ได้ขยายสาขาร้าน 7-Eleven รวม 724 สาขา ผลักดันให้สิ้นปี 62 มีสาขารวมทั้งสิ้น 11,712 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯและปริมณฑล 5,107 สาขา (คิดเป็น44%) ,ต่างจังหวัด 6,605 สาขา (คิดเป็น56%) ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร้าน 7-Eleven เฉลี่ยประมาณวันละ 12 ล้านคน
ส่วนความคืบหน้าซื้อหุ้นเทสโก้ โลตัส(Tesco Lotus) หากได้รับการอนุมัติ บริษัทจะดำเนินการศึกษาถึงแหล่งเงินต่อไป แต่ช่องทางการออกหุ้นกู้จะเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถกระทำได้
ขานรับวัคซีนของ Pfizer
“บล.คิงส์ฟอร์ด” เปิดเผยว่า คงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อ CPALL โดยปัจจัยบวกระยะยาวจากการได้รับสิทธิแฟรนไชส์เปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว เช่นเดียวกับการลงทุนใน เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. (พึ่งได้รับอนุญาตจาก กขค. เมื่อต้นเดือนพ.ย. เป็นการอนุญาตแบบมีเงื่อนไข)
ขณะที่ระยะสั้นได้ปัจจัยบวกอ่อนๆ จากข่าวความคืบหน้าการผลิตวัคซีนของ Pfizer (นักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น-มีจำนวนการเข้าใช้บริการ7-11ต่อร้านต่อวันสูงขึ้น) รับผลบวกทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค/ช่วยเหลือของภาครัฐ ปัจจุบัน ประมาณการกำไรสุทธิปี63 ที่ 18,996 ล้านบาท ( ลดลง 14.98% จากปีก่อน) ก่อนจะกลับมาขยายตัวที่ 21,789 ล้านบาท เติบโต 14.71% จากปีก่อน ในปี64 ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82.25 บาท
เคาะราคา 83บาท
“บล.เมย์ แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า แม้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการสะท้อน การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวช้ากว่าคาด แต่แนวโน้มกำไรเป็นทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป เนื่องจาก SSSG ติดลบน้อยลงและอัตรากำไรฟื้นตัว รวมทั้งอาจได้อานิสงส์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค อีกทั้งการขยายสาขายังเป็นไปตามเป้าหมาย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 83 บาท
www.mitihoon.com