หากจะเอ่ยถึงหุ้นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องหามาครอบครอง ที่สดๆ ใหม่ๆ และไม่ธรรมดากับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากธุรกิจพัฒนาอสังหาแบบเดิมๆ และยังมีความคล่องตัวสูงในเวลานี้คงต้องยกให้ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ซึ่งเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น สัดส่วน 13.5 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายไอพีโอ ซึ่งจะเท่ากับ 1,111,547,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนจดทะเบียนที่ชําระแล้ว 1,111,547,300 บาท
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมากับผลงาน บริษัทฯ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาแล้ว 20 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 16 โครงการ บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และ โฮมออฟฟิศ 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,000 ล้านบาท นายขจรศักดิ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวไว้
ธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด
ผลการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาและต้องติดว้าว!! ด้วยดังนี้ บริษัทมีรายได้รวมช่วงปี 2560 – 2562 จำนวน 1,480.1 ล้านบาท 2,084.3 ล้านบาท และ 3,525.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโต เฉลี่ย (Compound annual growth rate: CAGR) สูงกว่า 40 % ต่อปี โดยมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ในปี 2560 – 2562 จำนวน 51.5 ล้านบาท 163.4 ล้านบาท และ 502.6 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 2,060.6 ล้านบาท และมีกําไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 194.6 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นห้องชุดโครงการคอนโดมิเนียมสัดส่วนราว 80-95% ที่เหลือ 5-20% มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ทั้งบ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการ ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ในโครงการต่างๆ และรายได้จากการประกอบธุรกิจโรงแรม Q-Box Hotel Bangkok Blossom บริเวณถนนรามอินทรา ซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 ที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการบริหารนิติบุคคลในโครงการต่างๆ ของบริษัท และในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการ โดยหันมามุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่ายในรูปแบบของ “Branded Residence” โดยการนำเอาบริการของโรงแรมชั้นนำที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศเข้ามาให้บริการในโครงการที่พักอาศัย เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เสมือนพักอาศัยในโรงแรม ซึ่งการพัฒนาโครงการในรูปแบบของ Branded Residence ไม่เพียงแต่จะช่วยดึงดูดลูกค้าที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่สนใจซื้ออสังหาเพื่อการลงทุนด้วย รูปแบบโครงการดังกล่าวยังเอื้อประโยชน์ให้บริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะชะลอตัว หรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบในด้านต่างๆ เช่น ผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง หรือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยบริษัทสามารถนำห้องชุดแบบมีบริการที่รอขายบางส่วนมาปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องพักแบบมีบริการในรูปแบบโรงแรมหรือเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ เพื่อสร้างรายได้ค่าเช่าและค่าบริการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพียบ
สำหรับปีนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 63 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 6 โครงการ อยู่ระหว่างการขายและอยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 โครงการ อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา 3 โครงการ และมีโครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขาย 1 โครงการ โดยโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทในปัจจุบัน ได้แก่ โครงการ Wyndham Residence, โครงการ Ramada Residence, โครงการ Siamese Exclusive 31, และโครงการ Blossom Condo @ Sathorn-Charoenrat เป็นต้น ปัจจุบันมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/63 เป็นต้นไป
เดินสายพบนักลงทุน
สุดท้ายบริษัทฯ เตรียมจัดโรดโชว์แนะนําธุรกิจ กลยุทธ์การเติบโต และแผนขยายการลงทุนให้กับนักลงทุน ในวันอังคารที่ 1 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถนํา SA จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้นักลงทุนที่สนใจห้ามพลาด
www.mitihoon.com