โดยหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- บริษัท Moderna ในสหรัฐฯ ประกาศการทดสอบวัคซีนป้องกัน COVID-19 มีประสิทธิผล 94.5% นับเป็นบริษัทที่ 2 ซึ่งรายงานความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้วัคซีนดังกล่าวสามารถจัดส่งและเก็บในตู้เย็นมาตรฐาน
- สำนักสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่น ในเดือน ต.ค. 63 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.6% อยู่ที่ 14.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Reuters รายงานลิเบียผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้การผลิตน้ำมันดิบของลิเบียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 100,000 บาร์เรลต่อวัน ช่วงกลางเดือน ก.ย. 63 หลังขั้วขัดแย้งทางการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพ
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากอุปสงค์พลังงานอาจฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หากวัคซีนต้าน COVID-19 สามารถพัฒนาใช้ได้ทั่วโลก เริ่มจาก Food and Drug Administration (FDA) ของสหรัฐฯ มีแผนพิจารณาอนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัท Pfizer (ร่วมกับ BioNTech ของเยอรมนี) เป็นกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization: EUA) ในวันที่ 10 ธ.ค. 63 (และติดตามโดยวัคซีนของบริษัท Moderna) คาดว่าจะพร้อมให้บริการทั่วประเทศในวันที่ 11 หรือ 12 ธ.ค. 63 ทางการสหรัฐฯ ตั้งเป้าว่า 70% ของประชาชน หรือกว่า 330 ล้านคน จะได้รับวัคซีนภายในเดือน พ.ค. 64 ส่วนทางการเยอรมนีคาดว่าจะพร้อมใช้วัคซีนในเดือน ธ.ค. 63 เช่นกัน
หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
www.mitihoon.com