ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI เผยแผนการดำเนินงานในปี 2564 ว่า บริษัทได้เตรียมแผนงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อมุ่งพิชิตเป้าหมายมีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 5% จากปี 2563 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 17,135.2 ล้านบาท โดยจะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการบริการ และเทคโนโลยี
สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความเสี่ยงภัยด้านสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับมีความกังวลด้านภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น บริษัทจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มครองและกำลังซื้อของลูกค้า ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โกยเบี้ย
อาทิ ประกันภัย Health IPD Plan แบบเหมาจ่าย (ไม่มี Limit ต่อครั้ง) ค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 9,000 บาท ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท โดยสามารถเข้ารักษาได้ทุกกลุ่มโรงพยาบาลทั่วประเทศ ประกันภัยโรคมะเร็ง ในช่องทางออนไลน์ ซื้อง่าย ตอบคำถามสุขภาพเพียงข้อเดียว โดยให้ความคุ้มครองรวมสุงสุด120,000 บาท ด้วยเบี้ยประกันภัยคงที่ ไม่ปรับเพิ่มตามอายุ เริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อปี ครอบคลุมโรคมะเร็งทุกระยะ
รวมถึง ประกันภัย Personal Cyber Insurance ที่ให้ความคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ การถูกโจรกรรมเงิน การซื้อและขายสินค้าออนไลน์ การถูกกลั่นแกล้ง (Cyberbullying) และการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในสังคมปัจจุบัน ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทประมาณการเบี้ยรับ ที่มาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 64 จะอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท
ต่อยอดกำไรโตตั้งธงเบี้ยปีหน้าโต5%
ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 17,135.2 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 ด้านกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน เท่ากับ 1,517.6 ล้านบาท รายได้สุทธิจากการลงทุน 1,257.2 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 2,774.8 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,362.7 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 22.19 บาท ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปี 2563 บริษัทฯ จะบรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับ 22,800 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 8.0
“ปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 5% โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยบวกด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปีหน้าที่จะปรับเพิ่มขึ้น การลงทุนภาครัฐที่ยังมีต่อเนื่อง ผนวกกับอัตราเบี้ยประกันภัยต่อในตลาดโลกที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเป้าหมายการเติบโตที่ค่อนข้างท้าทายเนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่อาจยังมีความขัดแย้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ” ดร.อภิสิทธิ์กล่าว
www.mitihoon.com