CKP Q4 รับทรัพย์ ‘ไซยะบุรี’ ยอดจ่ายไฟพุ่งดันงบโตฉลุย

406

: ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่หุ้นยั่งยืน 63 ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจนักลงทุน

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP โดยแหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/63 ยังคงผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอแม้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่ปริมาณผลิตไฟฟ้าปรับตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบไตรมาส 3/63 ที่เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งบริษัทฯ มีการวางแผนบริหารจัดการน้ำและมีการประกาศความพร้อมจ่ายไฟในช่วงไตรมาส 4/ 63 อย่างระมัดระวังมากขึ้นสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 เพื่อให้ปริมาณในอ่างเก็บน้ำเพียงพอต่อการผลิตในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564    ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงที่มีฝนตกน้อยและใช้ปริมาณน้ำคงเหลือปลายปีในการประกาศความพร้อมจ่ายของครึ่งปีถัดไป ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี รับรู้รายได้เต็มไตรมาส เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เพิ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปลายเดือน ต.ค. 62 ในส่วนของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น   ที่ 1 (BIC 1) และ 2 (BIC 2) และโรงไฟฟ้าบางเขนชัยโซลาร์ (BKC) ยังคงผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง  ส่วนภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2563 คาดยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับแผน เพราะบริษัทฯ มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างรัดกุม และมีการดำเนินการซ่อมบำรุงตามแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา CKP ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) ชี้ให้เห็นว่าบริษัทฯ มีการบริหารงานเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จนได้รับความไว้วางใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ตั้งเป้าผลงานปี 64 โตเพิ่ม

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าผลประกอบการปี 2564 เติบโต 15-20% จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการปริมาณน้ำต้นทุนในช่วงต้นปีของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 คาดว่าจะทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีแรกได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 63 ประกอบกับความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมของ BIC คาดเติบโตมากขึ้น และปริมาณการขายไฟฟ้าของ BKC คาดเติบโตเพิ่มจากการเริ่มขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แห่งหนึ่งในช่วงปลายไตรมาส 3/63 ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 64  และ BKC มีการปรับปรุงประสิทธิภาพแผงโซลาร์ ซึ่งคาดจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นอีกด้วย

รุกคืบลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายการลงทุนเข้าพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ใน สปป.ลาว  อีกทั้งมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดในมือเพียงพอในการลงทุน และยังมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับที่ค่อนข้างต่ำอีกด้วย

ขณะที่แผนศึกษาเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ที่บริษัทพิจารณาเข้าลงทุนจะต้องมีผลตอบแทนตามนโยบายการลงทุนของบริษัท คือ มี IRR 10-15% สำหรับโครงการใหม่ที่เริ่มพัฒนาตั้งแต่แรก (Green Field Project) และ มี IRR 7-10% สำหรับโครงการที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว (Brown Field Project) นอกจากนี้ โครงการที่จะเข้าลงทุนต้องผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคมโดยรวม และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับคู่สัญญาที่น่าเชื่อถือ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการต่าง ๆ ที่จะเข้าลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

รุกเป้าผลิตไฟฟ้า 5,000 MW

อย่างไรก็ดี CKP ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและเติบโตตามเป้าหมาย 5,000 MW ที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นลงทุนในโครงการที่เป็นพลังงานสะอาด บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณาการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เพิ่มเติม รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนขยายกำลังการผลิตในโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารปัจจุบันของบริษัทฯ อีกด้วย ทั้งนี้ การลงทุนของบริษัทฯ นอกจากการเน้นที่ผลตอบแทนที่เหมาะสม บริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการความเสี่ยงในการลงทุนอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในด้านเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่ไปลงทุน รวมถึงความเสี่ยงของโครงการที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการลงทุนนั้นๆ ด้วย

www.mitihoon.com