ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (Thannachart Fund Eastspring) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้เสนอขาย IPO กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Green Energy (T-ES-GGREEN) กองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure เพียงกองทุนเดียว
โดยกองทุนหลัก จะเน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหรือกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานแบบยั่งยืน ซึ่งใช้เทคโนโลยีและให้บริการเกี่ยวเนื่องกับพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเปิดเสนอขายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ผลปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีมาก และเข้ามาสั่งซื้อหน่วยลงทุนจนเต็มจำนวนเงินทุนของโครงการที่ 5,000 ล้านบาท ทำให้ บลจ.ธนชาต ต้องประกาศหยุดการรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนไปตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.05 น. และเพื่อให้ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจดังกล่าวได้มีโอกาสลงทุนในพลังงานแห่งอนาคตอย่างไม่มีสะดุด Thanachart Fund Eastspring จึงจะเปิดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน T-ES-GGREEN อีกครั้ง ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าโครงการอีก 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น
นายอดิศร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ทั้ง TMBAM Eastspring และ Thannachart Fund Eastspring ได้พาผู้ลงทุนหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จากมุมมองการลงทุนตั้งแต่ต้นปีพบว่าการลงทุนต่างประเทศในปีนี้มีโอกาสสูงที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด แต่หากเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มประเทศที่ไปลงทุนก็พบว่ายังให้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจมาก โดยทั้ง 2 บลจ.สามารถระดมทุนกองทุนต่างประเทศในช่วงเสนอขายครั้งแรกในปีนี้ได้กว่า 50,000 ล้านบาท นับได้ว่าเราเป็นผู้นำในการเปิดศักยภาพผู้ลงทุนไทยยังต่างประเทศอย่างแท้จริงในปีนี้
สำหรับ Brookfield มีความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารธุรกิจพลังงานทางเลือกมากว่า 120 ปี โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้ากว่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำลังการผลิตรวมถึง 1.93 หมื่นล้านวัตต์ (ที่มา Brookfield ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563) โดยจุดเด่นของกองทุน คือ กองทุนจะเน้นลงทุนแบบ bottom up โดยคัดเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน และความสามารถในการแข่งขันเข้าพอร์ตลงทุนประมาณ 20-40 ตัว
ผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ตั้งแต่จัดตั้งมีความโดดเด่น โดยสร้างผลตอบแทน 25.46% ต่อปี ตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ซึ่งดีกว่าดัชนีชี้วัด MSCI World ที่สร้างผลตอบแทน 15.05% ต่อปีในระยะเวลาเท่ากัน (ที่มา Brookfield ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
ดังนั้น หากต้องการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต การลงทุนในพลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกที่เราคุ้นเคย จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับพอร์ตลงทุนให้สามารถก้าวทันอนาคตของธุรกิจพลังงานได้เป็นอย่างดี