Thanachart Fund Eastspring เพิ่มทุนกอง T-ES-GGREEN เป็น 12,000 ล้านบาท หลังผลตอบรับดีเกินคาด ต้องปิดขายก่อนกำหนด

127

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (Thannachart Fund Eastspring) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้เสนอขาย IPO กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Green Energy (T-ES-GGREEN) กองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure เพียงกองทุนเดียว

โดยกองทุนหลัก จะเน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหรือกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานแบบยั่งยืน ซึ่งใช้เทคโนโลยีและให้บริการเกี่ยวเนื่องกับพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเปิดเสนอขายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมานั้น

ทั้งนี้ผลปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีมาก และเข้ามาสั่งซื้อหน่วยลงทุนจนเต็มจำนวนเงินทุนของโครงการที่ 5,000 ล้านบาท ทำให้ บลจ.ธนชาต ต้องประกาศหยุดการรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนไปตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.05 น. และเพื่อให้ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจดังกล่าวได้มีโอกาสลงทุนในพลังงานแห่งอนาคตอย่างไม่มีสะดุด Thanachart Fund Eastspring จึงจะเปิดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน T-ES-GGREEN อีกครั้ง ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าโครงการอีก 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น

นายอดิศร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ทั้ง TMBAM Eastspring และ Thannachart Fund Eastspring ได้พาผู้ลงทุนหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จากมุมมองการลงทุนตั้งแต่ต้นปีพบว่าการลงทุนต่างประเทศในปีนี้มีโอกาสสูงที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด แต่หากเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มประเทศที่ไปลงทุนก็พบว่ายังให้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจมาก โดยทั้ง 2 บลจ.สามารถระดมทุนกองทุนต่างประเทศในช่วงเสนอขายครั้งแรกในปีนี้ได้กว่า 50,000 ล้านบาท นับได้ว่าเราเป็นผู้นำในการเปิดศักยภาพผู้ลงทุนไทยยังต่างประเทศอย่างแท้จริงในปีนี้

สำหรับ Brookfield มีความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารธุรกิจพลังงานทางเลือกมากว่า 120 ปี โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้ากว่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำลังการผลิตรวมถึง 1.93 หมื่นล้านวัตต์ (ที่มา Brookfield ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563) โดยจุดเด่นของกองทุน คือ กองทุนจะเน้นลงทุนแบบ bottom up โดยคัดเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน และความสามารถในการแข่งขันเข้าพอร์ตลงทุนประมาณ 20-40 ตัว
ผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ตั้งแต่จัดตั้งมีความโดดเด่น โดยสร้างผลตอบแทน 25.46% ต่อปี ตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ซึ่งดีกว่าดัชนีชี้วัด MSCI World ที่สร้างผลตอบแทน 15.05% ต่อปีในระยะเวลาเท่ากัน (ที่มา Brookfield ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

ดังนั้น หากต้องการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต การลงทุนในพลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกที่เราคุ้นเคย จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับพอร์ตลงทุนให้สามารถก้าวทันอนาคตของธุรกิจพลังงานได้เป็นอย่างดี