มิติหุ้น – STARK โบรกฯ สแกนงบไตรมาส 4/63 คาดกำไรทุบสถิติ จากทยอยรับรู้แบ็กล็อกกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท ชี้หากมีการรวมพาร์ ราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 4.80 บาท คาดมีโอกาสย้ายเข้าเทรด SET กลางปี 64
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK โฮลดิ้งคอมพานี ที่ดำเนินธุรกิจหลักคือ ผู้ผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้า สำหรับระบบการส่งและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและสายไฟฟ้าทั่วไป มีกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดย “นายชนินทร์ เย็นสุดใจ” ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า ธุรกิจ STARK เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมาจากยอดรายธุรกิจสายเคเบิ้ล จากสามบริษัทหลักได้แก่ Phelps Dodge Int.(Thailand) Ltd., บริษัท Thinh Phat Cables JSC และ Dong Viet Non-Ferrous Metal and Plastic JSC. โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิตสายเคเบิ้ลทั้งแบบ Low Voltage, Medium Voltage และ High Voltage จากโรงงาน 3 แห่งในประเทศ และที่เวียดนามอีก 1 โรงงาน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการผลิตสายไฟฟ้าเคเบิ้ลที่ครอบคลุมแรงดันไฟครบทุกย่าน ถือเป็นเหนือคู่แข่ง และมีการส่งออกรวมกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
รุกหนักตลาดไทย-ตปท.
โดยล่าสุดมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการตลาดเข้าไปยังตอนใต้ของสหรัฐซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก สำหรับในประเทศคาดว่าจะมีการเติบโตของสายไฟฟ้าในปริมาณมากจากหลายโครงการ เช่น โครงการวางสายใต้ดินในเขตเมืองใหญ่มูลค่าราว 4.3 หมื่นล้านบาท, โครงการการขยายการลงทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในระยะ 5 ปี มูลค่ากว่า 7.2 หมื่นล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นต้น ซึ่งโครงการเหล่านี้ต้องใช้สายไฟฟ้าคุณภาพสูงซึ่ง STARK เป็นผู้ผลิตชั้นนำในด้านนี้
สำหรับผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังสามารถที่จะลดต้นทุนด้านวัตถุดิบจากการนำเข้าของบริษัทลูกในเวียดนาม รวมทั้งการบริการต้นทุนแบบ Cost Plus ทำให้ยอดขายที่เติบโตยิ่งเพิ่มอัตรากำไรให้บริษัท ดังนั้นผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้และกำไรทุบสถิติ โดยสามารถทำอัตรากำไรได้สูงสุดถึง 9.7% และประเมิน ROE ได้สูงถึง 40%
กำไรQ4ทุบสถิติ-แบ็กล็อกสูงหนุน
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มธุรกิจ STARK จากผลประกอบการไตรมาส 3/63 ที่มีกำไรสุทธิ 462.46 ล้านบาท เทียบปีก่อนขาดทุนสุทธิ 81.08 ล้านบาท ถือเป็นโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจนและจะเป็นฐานให้กับไตรมาสต่อๆ ไป โดยประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/63 กำไรยังคงทุบสถิติสูงสุด จาก Backlog กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท สำหรับราคาเหมาะสมก่อนปรับประมาณการใหม่อยู่ที่ 2.40 บาท และหากมีการรวมพาร์ จะอยู่ที่ 4.80 บาท คาดว่าบริษัทมีโอกาสที่จะย้ายเข้าเทรดใน SET 50 ได้สำเร็จราวกลางปี 64
www.mitihoon.com