ก.ล.ต. ร่วมมือ 2 องค์กรจัดสัมมนาให้ความรู้ “การเปิดเผยความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ”

51

มิติหุ้น-ก.ล.ต. ร่วมกับกองทุนพรอสเพอริตี้ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ภายใต้โครงการ ASEAN Low Carbon Energy Programme (ALCEP) และบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท เซอร์วิสเซส จำกัด (สิงคโปร์) จัดงานสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “Introduction to Climate Risk Disclosure” เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนคำนึงถึงความเสี่ยงและผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการประกอบธุรกิจ แนวโน้มและแนวทางการเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล และยกระดับตลาดทุนไทยในการตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวเปิดงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Introduction to Climate Risk Disclosure” เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ว่า การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทจดทะเบียนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ (climate risk) และสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่ไปต่อยอดเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในฐานะผู้ลงทุนสถาบันเข้าใจความเสี่ยงและผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้งยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของตลาดทุนไทยในการตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของประเทศ

“ตามที่ ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลในแบบรายงานเดียว (แบบ 56-1 One Report) เพื่อยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน (ESG) ของบริษัทจดทะเบียน โดยกำหนดให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นหนึ่งในหัวข้อการเปิดเผย เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมี ESG และเป็นข้อมูลให้ผู้ลงทุนใช้ในการตัดสินใจลงทุนนั้น ก.ล.ต. หวังว่า การสัมมนานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง ทั้งบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเปิดเผยข้อมูลในแบบ 56-1 One Report และบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการยกระดับการเปิดเผยข้อมูลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไป” เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว

นายแอนดรูว์ เบิร์น ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและแผนพรอสเพอริตี้ประจำสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า การตระหนักถึงความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจถือเป็นโอกาสของธุรกิจที่จะปรับเปลี่ยนไปสู่ความยั่งยืน โดยอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้ทรัพยากรในช่วงสถานการณ์ COVID-19 นอกจากนี้ ยังมีแรงผลักดันที่เพิ่มขึ้นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล และบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในหลายประเทศ เช่น ภายในปี ค.ศ. 2025 อังกฤษมีแผนที่จะให้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงิน ต้องเปิดเผยผลกระทบเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศตามแนวทางของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) ซึ่งมี 4 ด้านหลัก ได้แก่ การกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแล การผนวกเข้ากับกลยุทธ์องค์กร การบริหารจัดการความเสี่ยง และการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมาย ดังนั้น การเปิดเผยข้อมูลตามแนวทาง TCFD จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจไทยในเวทีโลก

www.mitihoon.com