AAV หมดข่าวร้ายรอลุ้นคืบหน้าวัคซีน รัฐอนุมัติวีซ่า นทท.

355

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศทไย) ระบุว่า ราคาหุ้น AAV ได้แรงหนุนจากภาวะตลาดที่เป็นบวกถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ AAV จะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการระบาดของCOVID-19 ในปี 2563F แต่เราคิดว่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้วใน 2Q63 ซึ่งขาดทุนสุทธิหนักเป็นประวัติการณ์ที่ 1.84 พันล้านบาท

แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้วจากการกลับมาเปิดบินเที่ยวบินในประเทศตั้งแต่ 3Q63 (load factor ใน 3Q63 อยู่ที่ 65% และเพิ่มเป็น 100% ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน แต่คาดว่าจะต่ำกว่า 100%ในเดือนธันวาคม) ในขณะที่ธุรกิจสายการบินก็มีแนวโน้มดีขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า เนื่องจาก i)จะมีการกระจายวัคซีนจากผู้ผลิตระดับโลกออกมา (Figure 11) และ ii)การที่ประเทศไทยอนุมัตวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษ Special Tourist Visas (STVs)สำหรับทุกประเทศให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยมีการกักตัว 14 วัน (ASQ) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งเมื่ออิงจากประมาณการของเรา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเพิ่มขึ้นจาก 6.7 ล้านคนในปี 2563Fเป็น 14 ล้านคนในปี 2564F และ 32 ล้านคนในปี 2565F ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการของ AAVในอีกสองสามปีข้างหน้า

ยังคงมีการใช้กลยุทธ์ตัดราคากันอยู่ในตลาดระยะสั้น

ฝ่ายวิจัยยังคงเป็นห่วงประเด็นการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจสายการบินในระยะสั้นเพราะเรามองว่าราคาตั๋วของสายการบินต่าง ๆ ยังมีส่วนเหลื่อมกันอยู่มาก เราได้สำรวจข้อมูลราคาตั๋ว(figure 3) ก็พบว่าราคาตั๋วโดยสารเที่ยวบินสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศเฉลี่ยยังแตกต่างกัน เช่นเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ (-13.7% ถึง +5.7%) และเส้นทางกรุงเทพ-ภูเก็ต (-13.9% ถึง +21.5%)ซึ่งแสดงว่าราคาตั๋วยังไม่สมดุลและจะยังคงมีการแข่งขันด้านราคาจนกว่าจะกลับมาเปิดบินเที่ยวบินระหว่างประเทศในกลางปี 2564

คงประมาณการผลขาดทุนสุทธิในปี 2563-64F เอาไว้เท่าเดิม

เรายังคงประมาณการผลขาดทุนสุทธิปีนี้เอาไว้ที่ 4.93 และ 1.13 พันล้านบาท ในปี 2563-64Fซึ่งสอดคล้องกับ IATA ที่คาดว่าธุรกิจสายการบินจะมีผลขาดทุนสุทธิรวม 1.185 แสนล้านเหรียญในปี2563F และ 3.87 หมื่นล้านเหรียญในปี 2564F เรามองว่า AAV มีแนวโน้มดีขึ้นในอนาคตจาก i)มีการลดต้นทุน ii) การกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง (การแข่งขันด้านราคาลดลง) iii)มีการนำวัคซีนออกมาใช้ในวงกว้าง iv) การเติบโตของธุรกิจขนส่งสินค้า (cargo) และ v) การควบรวมระหว่างสายการบินต่าง ๆ

Valuation & Action

จึงคาดว่าสถานการณ์ได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว และน่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ใน 2H64 และในปี 2565 เรามองว่า AAV แข็งแกร่งกว่าสายการบินอื่น ๆ ในแง่ i) ส่วนแบ่งตลาด และ ii) สถานะทางการเงิน

www.mitihoon.com