หากจะดูความเคลื่อนไหวของบริษัทที่เตรียมจะเข้าเทรดช่วงปลายปี 2563 ที่กระแสยังร้อนแรงด้วยชื่อชั้นความเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ในเวลานี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “KEX” ที่เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 17.24% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ KEX ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ที่ราคา 28.00 บาทต่อหุ้น พร้อมเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธันวาคมนี้
ผู้นำการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย
ปัจจุบัน เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เป็นผู้นำด้านการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยที่มีการเติบโตเร็วที่สุด ให้บริการจัดส่งพัสดุแบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท และมีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ด้วยจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง โดยมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าในกลุ่มภาคธุรกิจการจัดส่งพัสดุแบบบุคคล-ส่งถึง-บุคคล (C2C) ภาคธุรกิจการจัดส่งพัสดุแบบธุรกิจ-ส่งถึง-บุคคล (B2C) และภาคธุรกิจการจัดส่งพัสดุแบบธุรกิจ-ส่งถึง-ธุรกิจ (B2B) KEX ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศของ KEX
“เราเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยคนและเทคโนโลยี เราจึงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความเป็นผู้นำธุรกิจของเราอย่างไม่หยุดยั้ง โดยให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณภาพการบริการและนวัตกรรม รวมทั้งความใส่ใจต่อพนักงานและพันธมิตรของเรา เพราะเราคือ “ผู้นำด้านการจัดส่งพัสดุด่วนสำหรับทุกคน” นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “KEX” กล่าว
จัดส่งพัสดุกว่า 1.2 ล้านชิ้น/วันทำการ
โดยพบว่า ปริมาณพัสดุที่จัดส่งของ KEX ซึ่งจัดส่งพัสดุไปยังสำนักงาน คลังสินค้า ร้านค้าปลีก และครัวเรือนในประเทศไทยสูงกว่าผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนรายใหญ่รองลงมาเป็นจำนวนมาก และในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 KEX จัดส่งพัสดุเป็นจำนวนเฉลี่ยทั้งสิ้นกว่า 1,200,000 ชิ้นต่อวันทำการ
ผลงานเติบโตต่อเนื่อง
ภาพรวมผลการดำเนินงานของ บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) เติบโตและสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการในปี 2560 – 2562 อยู่ที่ 6,626.41 ล้านบาท 13,565.35 ล้านบาท และ 19,781.93 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 730.26 ล้านบาท 1,185.10 ล้านบาท และ 1,328.55 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 ถึงแม้สภาวะภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่ยืดเยื้อต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ KEX สามารถรักษาระดับรายได้อยู่ที่ 14,688.92 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,030.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โชว์แผนใช้เงิน IPO เสริมแกร่ง
โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่ KEX ตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินดังนี้ 1. การขยายเครือข่ายจัดส่งพัสดุด่วน การลงทุนในระบบการขนส่งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ชำระคืนเงินกู้ธนาคาร และ 3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
www.mitihoon.com