ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ หรือ GLOBAL ว่า ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรไตรมาส4 ปี63 (4Q63) ลดลง 2% QoQ และ 25% YoY เป็น 447 ล้านบาท จากฐานสูงในปีก่อน อีกทั้ง SSSG ในช่วงเดือน ต.ค. ถูกกระทบจากฝนตกหนักก่อนจะฟื้นตัวในเดือน พ.ย.-ธ.ค. ส่วนการปิดสาขาสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ชั่วคราวจากการระบาดของโควิด-19 คาดว่ามีกระทบจำกัด เนื่องจากปิดเพียง 2 สาขา เทียบกับสาขาทั้งหมด 71 สาขา
ขณะที่การ Work from home อีกครั้ง คาดว่ามี Demand สินค้าตกแต่งปรับปรุงบ้านเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่สูงเหมือนรอบที่แล้ว เราจึงคาด SSSG 4Q63 ประมาณ -4% ดีขึ้นจาก 3Q63 ที่ -5.7% โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 46 bps YoY เป็น 22.5% จากฐานสูงและการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ดี ยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิจะฟื้นตัวใน 1Q64 เนื่องจากเป็นไฮซีซั่น โดยได้ผลบวกจาก Demand ฟื้นตัวหลังฤดูเก็บเกี่ยว
แม้ปรับลดประมาณการ แต่กำไรปี 64 จะกลับมาแซงปี 62
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 63 และ 64 ลง 5% และ 2% ตามลำดับ สะท้อนถึงยอดขายต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า SSSG ของปี 64 จะฟื้นตัวเป็น +3% จาก -9% ในปี 63 เนื่องจากฐานต่ำและได้ผลบวกจากเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นจากโครงการคนละครึ่งและราคาสินค้าเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดี อีกทั้งคาดว่า GLOBAL จะเปิดสาขาใหม่ 6-7 สาขา ช่วยผลักดันยอดขายปี 64 ให้เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 62 และกำไรสุทธิเพิ่มเป็น New high (+15% YoY) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand เป็น 21% จาก 20% ในปี 63
เติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว
GLOBAL ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายสาขามากขึ้นในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้ามีสาขาครบ 100 สาขาในปี 2567-2568 อีกทั้งเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand เป็น 25% และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงเหลือจากการใช้คลังสินค้าระบบ ASRS มากขึ้น
ความเสี่ยง: ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ / เลื่อนเปิดสาขา / โควิด-19 ขยายวงกว้างขึ้น