มิติหุ้น-PERM ส่งซิกไตรมาส 4/63 โชว์ผลงานสูงสุดในรอบหลายปี เหตุราคาเหล็กพุ่งแรง 30% แถมความต้องการเหล็กล้นทะลัก มั่นใจทั้งปี 63 รายได้เข้าเป้า 5% พร้อมรับทรัพย์บริษัทย่อย “บ.เอ็มพาวเวอร์สตีล” เหตุยกระดับธุรกิจชูสินค้าโกยมาร์จิ้น โบรกชี้หุ้นพื้นดีมองแนวต้าน 1.60 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิคส์ หรือ PERM ประกอบธุรกิจแปรรูปและจำหน่าย เหล็กรีดร้อนและรีดเย็น เหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสี เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า เหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง แผ่นหลังคาและผนังเหล็กเคลือบสี โดย “นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์” ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/63 คาดจะเติบโตสูงสุดในรอบหลายไตรมาสและสูงกว่าไตรมาส 3/63 ที่มีกำไรสุทธิ 20.09 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 1.06 พันล้านบาท
เด้งรับราคาเหล็กพุ่ง 30%
โดยเป็นผลจากภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับราคาเหล็กปรับสูงขึ้นเฉลี่ยราว 30% ส่งผลให้บริษัทได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย รวมถึงปริมาณออเดอร์เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น ดังนั้นทั้งปี 63 มั่นใจรายได้รวมจะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 5% จากปีก่อน
“ปริมาณยอดขายเหล็กในไตรมาส 4/63 ไม่ได้ลดลงจากไตรมาส 3/63 และบริษัทยังมีสต็อกสินค้าเหล็กเพียงพอเพื่อใช้รองรับคำสั่งซื้อได้ถึงไตรมาส 1/64 ประมาณ 30,000-40,000 ตัน ส่วนไตรมาส 2/64 บริษัทจะประเมินความเหมาะสมในการสต็อกสินค้าตามสถานการณ์อีกครั้ง” นายชูเกียรติ กล่าว
รับทรัพย์บ.เอ็มพาวเวอร์สตีล
พร้อมกันนี้ในปี 64 บริษัทเตรียมยกระดับธุรกิจบริษัทในเครือ อย่าง “บ.เอ็มพาวเวอร์สตีล” ผู้ทำธุรกิจจัดหาแปรรูปเหล็กและแผ่นเคลือบสังกะสี ซึ่งที่ผ่านมาได้ทุ่มงบ 1 พันล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานและสั่งซื้อเครื่องจักรคุณสูงจากเยอรมัน เพื่อผลิตเป็นวัตถุดิบเหล็กม้วน เพื่อนำไปขึ้นรูปเป็น ‘หลังคาเมทัลชีท’ หวังเข้ารับงานโครงสร้างพื้นฐานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ที่กำลังมีความต้องการสูงอยู่ในขณะนี้
โดยโรงงานแห่งนี้จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ประมาณเดือน มิ.ย.-พ.ค.64 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมและเปลี่ยนจากผู้นำเข้าเป็นผู้ผลิต ซึ่งคาดจะมีมาร์จิ้นสูงขึ้น โดยคาดจะมีกำลังผลิตรวมได้ 1 หมื่นต้นต่อเดือน หรือประมาณ 1.2 แสนตันต่อปี
เคาะแนวต้าน1.60บ.
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น PERM เพราะจะได้รับอานิสงส์ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% และปริมาณออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ฐานกำไรและรายได้ในช่วงไตรมาส 4/63 เพิ่มขึ้น ส่วนสัญญาณทางเทคนิคเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” มองแนวต้าน 1.60 บาท
www.mitihoon.com