มิติหุ้น-บวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย รีวิวผลประกอบการ ไตรมาส 3/63 ของกลุ่มผู้รับเหมาทั้ง 7 บริษัทที่ได้วิเคราะห์อยู่รายงานกำไรปกติใน ไตรมาส3/63 ที่ 272 ลบ. ลดลง 71.6% YoY
จากการขาดหายไปของโครงการของภาคเอกชนและปัญหาแรงงาน บาดแคลนแต่พลิกกลับจากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสก่อนเป็นกำไร จากส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารร่วมที่มากขึ้น
1 รายได้จากงานก่อสร้างอยู่ที่ 2.9 หมื่นลบ. ลดลง 14.4% YoY จากโครงการที่มีมูลค่าสูงที่ก่อสร้างเสร็จแล้วบางโครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและส่วนต่อvยายสายสีเขียว
2 อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงจาก 18.6% ใน 3Q62 มาอยู่ที่ 12.9% ใน 3063 จากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นและโครงการที่มี อัตรากำไรต่ำที่มากขึ้น อิงจากกำไรปกติที่เติบโตขึ้น YoY และยอด backlog ที่มากขึ้นSTEC และ CK จึงเป็นผู้ชนะในไตรมาสนี้
เมกะโปรเจกต์ในแผนงาน
เราคาดว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลโครงการต่างๆ ด้วยมูลค่ารวมที่ 3.0 แสนลบ. ในปี 2564 ประกอบด้วย
1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก (มูลค่า 9.0 หมื่นลบ.) 2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ (8.0 หมื่นลบ.) และ3. โครงการรถไฟรางคู่ (1.28 แสนลบ.)
เราคาดว่าความคืบหน้าที่เกิดขึ้นของโครงการเหล่านี้จะเพิ่ม บรรยากาศลงทุนต่อกลุ่มก่อสร้างและส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโต มากขึ้น
พึ่งพาการลงทุนของภาครัฐ
จากประมาณการ GDP เมื่อเดือน wย. โครงการของภาครัฐสะท้อนถึง มูลค่างานก่อสร้างที่ 5.783 แสนลบ. (+11.4% YoY) ของภาคเอกชนอยู่ ที่ 3.838 แสนลบ. (+4.2% YoY) ในปี 2564 GDP ที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 6.4% เทียบกับประมาณการของเราที่ -13% สะท้อนถึง upside ต่อประมาณการGDP ในปี 2563-64
หากพิจารณาถึงปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น การส่ง ออก การบริโภคในประเทศ และการลงทุนของภาคเอกชน ที่ต่างเติบโตช้าลง ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราจึงคาดว่ารัฐบาลจะไม่มีทาง เลือกอื่นนอกจากกระตุ้นการลงทุนภาครัฐในปี 2564-65
จึงคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จะถูกกดดันจาก โครงการที่มีอัตรากำไรต่ำที่เซ็นสัญญาไปในปีนี้แต่ปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งหลัง ของปี 2564 จาก
1. จำนวนงานก่อสร้างระดับสูงที่จะช่วยลดความรุนแรงของการแข่งขัน ในตลาด
2 จำนวนงานก่อสร้างของภาคเอกชนที่มากขึ้น
3 ปัญหาแรงงานขาดแคลนที่บรรเทาลงหลังค้นพบวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งคาดจะพร้อมจัดส่งในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
KS ยังคงมีมุมมองบวกต่อกลุ่มก่อสร้างและเลือก STEC และ TEAMG เป็นหุ้นเด่นของเรา
ปัจจัยบวกที่อาจเกิดขึ้นในกลุ่มนี้คือ1. การใช้จ่ายของรัฐบาลกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับสูงขึ้น 2 บรรยากาศการแข่งขันที่ผ่อนคลายลงและ3. การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาคือ STEC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.20 บาท เราเลือก STEC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เพราะ.1 แนวโน้มอัตรากำไรที่ฟื้นตัวขึ้น 2 การรับรู้รายได้จาก backlog ระดับสูงและ 3. มูลค่าหุ้นที่ถูก
อีกหุ้นคือ TEAMG แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท เราเลือก TEAMG เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มผู้รับเหมาต้นน้ำและกลางน้ำจาก 1. ยอด backlog ในมือที่มากเพียงพอที่จะสร้าง รายได้ไปอีก 7.4 ไตรมาส 2. เราประเมินว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลจะ อยู่ในระดับสูงที่ 3.4-8.1% ในปี 2563-65 และ 3. มูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างถูก
www.mitihoon.com