ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD โดย “นักวิเคราะห์บล.เคทีบี(ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า กรณีที่ “นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา” ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD ให้ความเห็นว่า ปี 64 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน เนื่องจากมองแนวโน้มความต้องการใช้คลังสินค้าจะขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับมีการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเติมนั้น
โดยฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกจากข่าวดังกล่าว จากความมั่นใจของผู้บริหาร JWD ต่อการเติบโตของรายได้ในปี 64 มากขึ้น ทั้งนี้ประเมินเป้าหมายรายได้ปี 64 จะเติบโต 11% จากปีก่อน ดีขึ้นจากปี 63 ที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 6% จากปีก่อน โดยประเมินว่า “ธุรกิจบริหารและให้เช่าคลังสินค้า” ที่จะเติบโตโดดเด่น ทั้ง 1.ธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารรถยนต์ จะปรับตัวดีขึ้นมากสุด 15% จากปีก่อน จากยอดผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัว, 2.ธุรกิจคลังห้องเย็นคาดว่าจะเติบโต 13% จากการเปิดคลังห้องเย็นอาคารใหม่
นอกจากนั้นยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 26.7% จากปี 63 ที่ 25.6% เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปี 64 ที่ 383 ล้านบาท กลับมาเติบโต 27% จากปีก่อน และจะมีกำไรสูงกว่าปี 62 ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
โดยประเมินผลกระทบจาก COVID-19 จำกัด โดยปัจจุบันทุกธุรกิจของ JWD ยังดำเนินกิจการได้ตามปกติ ขณะที่ธุรกิจห้องเย็นจะได้ผลบวกเล็กน้อยจากความต้องการจัดเก็บสินค้าประเภทอาหารทะเลที่เพิ่มขึ้นและนานมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้ม “ธุรกิจยานยนต์” ประเมินว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากเหมือนการระบาดในรอบที่ผ่านมา เนื่องจากประเมินว่าโรงงานผลิตรถยนต์จะยังคงผลิตได้ตามปกติ (รอบก่อนมีการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก supply chain ที่จีน) อย่างไรก็ตาม หากการระบาดรุนแรงขึ้นจนกระทบกำลังซื้อในประเทศอาจทำให้มีผลกระบต่อธุรกิจยานยนต์ได้
ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 11.70 บาท อิง 2021 PER ที่ 31 เท่า (+0.5SD below 3-yr average PER) จากภาพรวมผลการดำเนินงานที่จะเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 และปี 64 นอกจากนั้น คาดว่าจะมีกำไรพิเศษราว 5-10 ล้านบาท จากการขายโครงการ built-to-suit ที่นิคมฯ นวนคร เข้ากอง REIT ภายในต้นปี 64 ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมในประมาณการ
www.mitihoon.com