ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 บลจ.ทิสโก้ยังคงเดินหน้านำเสนอกองทุนที่เป็น ‘นวัตกรรมการลงทุน’ ในธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก รวมถึงเพิ่มกองทุนรวมใหม่ที่ลงทุนในตลาดหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโต เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเฮลธ์แคร์ และธุรกิจเทคโนโลยี เพราะรายได้ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีโอกาสเติบโตอย่างมากตามพฤติกรรมและโครงสร้างของประชากรโลก โดยหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ควบรวมสองเมกะเทรนด์ข้างต้นไว้ด้วยกันคือ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ‘จีโนมิกส์’ ซึ่งรายงานของ McKinsey Global Institute ได้ยกให้ ‘จีโนมิกส์’ เป็น 1 ใน 12 ธุรกิจเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก (Disruptive technologies) อีกด้วย
“จีโนมิกส์ คือ การถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ระดับโลกที่ช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพที่มีความซับซ้อนและหลากหลายของมนุษย์ โดยลงลึกการตรวจวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาโรคอย่างแม่นยำ แบบ ‘จำเพาะรายบุคคล’ ช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาหาย และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น โดยปัจจุบันวงการจีโนมิกส์ให้ความสนใจในการศึกษาวิจัยเรื่องการแสดงออกของยีนก่อโรค เช่น โรคมะเร็งต่างๆ อัลไซเมอร์ เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน ดาวน์ซินโดม เป็นต้น
ขณะที่ประเทศไทยได้นำนวัตกรรมดังกล่าวมาวินิจฉัย ดูแล และป้องกันการกลายพันธุ์ของยีนในเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ เพื่อการรักษา และให้ยาได้ตรงความต้องการของผู้ป่วยแต่ละบุคคล ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการรักษาแบบเดิม และช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยให้ยืนยาวขึ้น ซึ่งบลจ.ทิสโก้มองว่าหลังจากนี้ทั่วโลกจะนำเทคโนโลยีการรักษานี้มาพัฒนา และใช้กับผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ และจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตที่ดีในระยะยาว” นายสาห์รัชกล่าว
เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีตามเทรนด์ของโลก บลจ.ทิสโก้จึงเริ่มต้นปีด้วยการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ Genomic Revolution (TGENOME) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับธีม Genomics Revolution ที่ได้รับประโยชน์จากการยืดอายุขัย และการยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่น จากการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ร่วมกับความก้าวหน้าและวิวัฒนาการของการศึกษาหน้าที่และเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับหน่วยที่ควบคุมลักษณะของพันธุกรรม (Genomics) ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน ARK Genomic Revolution ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 4-12 มกราคม 2564 ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
สำหรับความน่าสนใจของกองทุนนี้มาจากสองปัจจัยหลัก ปัจจัยแรก คือ โอกาสการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีโนมิกส์นั้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ อย่างเช่นการรักษามะเร็งด้วยวิธีเซลล์บำบัด หรือคาร์ทีเซลล์ (CAR-T Cell Therapies) โดยนำเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยออกมาเลี้ยงและดัดแปลงยีนก่อนฉีดกลับเข้าไปในคนไข้นั้น ข้อมูลจาก Ark Invest ระบุว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้วิธีดังกล่าวรักษามะเร็งระยะ 3-4 สามารถสร้างมูลค่าตลาดในสหรัฐฯ ได้ประมาณ 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถ้าหากว่า CAR-T cell ได้รับอนุมัติให้ใช้กับมะเร็งระยะเริ่มต้นได้ จะมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าเลยทีเดียว ธุรกิจต่อมา คือ การตรวจหามะเร็งจากตัวอย่างเลือด (Liquid Biopsies) ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมจีโนมมิกส์ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้ตัวเร็วและเข้าสู่การรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ข้อมูลจาก Polaris Market Research คาดว่าในระหว่างปี 2562 – 2569 มูลค่าตลาด Liquid Biopsies จะเติบโต 21.9% ต่อปี จากปี 2561 มีมูลค่าการตลาดอยู่ที่ 65.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยที่สอง คือ ผลตอบแทนในอดีตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีโนมิกส์อยู่ในระดับที่โดดเด่น โดยกองทุน ARK Genomic Revolution ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีโนมิกส์สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบันตามข้อมูลของบลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 อยู่ที่ 22.19% 122.11% ต่อปี 37.37% ต่อปี 29.26% ต่อปี และ 22.92% ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดกองทุน ได้แก่ ดัชนี S&P 500 ที่ในช่วงเวลาเดียวกันสร้างผลตอบแทนได้ 8.93% 15.15% ต่อปี 12.28% ต่อปี 14.15% ต่อปี และ 11.46% ต่อปี ดัชนี MSCI World ในช่วงเวลาเดียวกันสร้างผลตอบแทนได้ 7.93% 10.41% ต่อปี 7.74% ต่อปี 10.48% ต่อปี และ 7.90% ต่อปี และดัชนี NASDAQ Biotech ซึ่งเป็นดัชนีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นไบโอเทค ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ -0.82% 36.90% ต่อปี 7.40% ต่อปี 6.61% ต่อปี และ 5.97% ต่อปี ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
นายสาห์รัช กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนนี้ นอกจากจะได้รับโอกาสที่ดีในการลงทุนแล้ว ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงินให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง สำหรับเป็นทุนในการรักษาผู้ป่วยและกิจกรรมอื่นๆ ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ด้วยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ โดยตั้งแต่วันที่ 4 – 12 มกราคม 2564 ทุกๆ ยอดซื้อกองทุน TGENOME 100,000 บาท ผ่านบลจ.ทิสโก้ ธนาคารทิสโก้ และบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ บลจ.ทิสโก้จะบริจาคค่าธรรมเนียมการขายกองทุน 50 บาทให้กับกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง และในช่วงเวลาเดียวกันหากลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TGENOME ตั้งแต่ 20 – 29.99 ล้านบาท จะได้รับทองคำหนัก 2 สลึง และยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 1 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TGENOME อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่ได้เปิดเผยไว้ที่ www.tiscoasset.com และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds